สำนวนไทยหมวดหมู่ ด. ดาบสองคม
ดาบสองคม หมายถึง
สำนวน “ดาบสองคม” หมายถึง สิ่งที่มีทั้งคุณและโทษ สามารถให้ประโยชน์หรือสร้างอันตรายได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เปรียบเสมือนดาบที่มีคมทั้งสองด้าน ซึ่งสามารถทำร้ายศัตรูได้ แต่หากใช้ไม่ระวังก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายตนเองได้เช่นกัน กล่าวคือ “สิ่งมีทั้งคุณและโทษ, สิ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย” นั่นเอง

ที่มาของสำนวน
มาจากอาวุธที่มีใบมีดคมทั้งสองด้าน ซึ่งต่างจากดาบทั่วไปที่มีคมเพียงด้านเดียว ดาบประเภทนี้สามารถใช้โจมตีได้จากหลายทิศทาง ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในสนามรบ แต่ในขณะเดียวกัน หากผู้ใช้ขาดทักษะหรือไม่ระมัดระวัง ดาบอาจย้อนกลับมาทำร้ายตนเองได้
แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ในเชิงเปรียบเทียบเพื่อสื่อถึงสิ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ เช่น อำนาจ เงินตรา เทคโนโลยี หรือความรู้ หากใช้อย่างถูกต้องก็จะเกิดประโยชน์ แต่หากใช้ผิดพลาดก็อาจนำมาซึ่งอันตรายหรือผลกระทบที่ไม่คาดคิด
ในทางประวัติศาสตร์ อาวุธประเภทดาบสองคมถูกใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยเฉพาะในสงครามของนักรบกรีก โรมัน และซามูไรของญี่ปุ่น ซึ่งต้องอาศัยทักษะสูงในการควบคุม หากใช้ไม่ถูกต้อง อาวุธที่ทรงพลังนี้อาจกลายเป็นภัยต่อผู้ใช้เอง
ด้วยเหตุนี้ สำนวนนี้จึงถูกใช้เปรียบเปรยถึงทุกสิ่งที่มีทั้งคุณและโทษ หรือสถานการณ์ที่อาจให้ผลดีหรือผลเสียได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานหรือการตัดสินใจของแต่ละบุคคล
ตัวอย่างการใช้สำนวน
- เทคโนโลยีเป็นดาบสองคม หากใช้ถูกทางก็ช่วยพัฒนาโลกให้ก้าวหน้า แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดก็อาจสร้างอันตรายมหาศาล เช่น การใช้ AI เพื่อแฮกระบบข้อมูลสำคัญ (เปรียบกับสิ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
- อำนาจเป็นดาบสองคม ถ้าผู้นำใช้มันเพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็จะทำให้ประเทศก้าวหน้า แต่ถ้าใช้อำนาจเพื่อกดขี่ ก็อาจนำไปสู่เผด็จการ (เปรียบกับอำนาจที่สามารถสร้างประโยชน์หรือก่อให้เกิดโทษได้)
- การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจเป็นดาบสองคม เพราะแม้จะช่วยให้การค้าขายเติบโต แต่หากไม่มีการควบคุมที่ดี ก็อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนมากขึ้น (เปรียบกับนโยบายที่ให้ผลดีและผลเสียในเวลาเดียวกัน)
- ความซื่อสัตย์ก็คือดาบสองคม เพราะบางครั้งการพูดความจริงตรงไปตรงมาอาจทำให้เกิดปัญหาและกระทบความรู้สึกของคนอื่น (เปรียบกับสิ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
- การให้เสรีภาพสื่อเป็นดาบสองคม เพราะแม้จะช่วยเปิดเผยความจริงและตรวจสอบผู้มีอำนาจ แต่หากไม่มีจรรยาบรรณ ก็อาจกลายเป็นการบิดเบือนข้อมูลและปลุกปั่นสังคม (เปรียบกับสิ่งที่มีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน)