คำพังเพยปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา

คำพังเพยปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา ที่มาและความหมาย

คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ป. ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา

ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา หมายถึง

คำพังเพย “ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา” หมายถึง การพูดมีความสำคัญเป็นอันดับแรก การคำนวณหรือความสามารถด้านตัวเลขเป็นรองลงมา การเรียนรู้และความรู้จากหนังสือเป็นลำดับถัดไป ส่วนความประพฤติชั่วดีจะเป็นสิ่งที่คนจดจำและกลายเป็นตราประทับบ่งบอกตัวตนของบุคคล เปรียบเสมือนการสร้างบุคคลให้สมบูรณ์ต้องประกอบด้วยทักษะ การเรียนรู้ และคุณธรรมควบคู่กัน ไม่ใช่เน้นเพียงด้านใดด้านหนึ่ง และให้ลำดับความสำคัญ ได้แก่ การพูด การคิดคำนวณ การศึกษาเล่าเรียน และความดีงาม ว่าแต่ละสิ่งมีความสำคัญเช่นไรด้วย กล่าวคือ “การจัดลำดับความสำคัญคุณธรรมชีวิตอย่างการพูดสำคัญที่สุด รองมาก็การคิดคำนวณ ต่อมาการศึกษาเล่าเรียน และสุดท้ายความดีงาม” นั่นเอง

ที่มาและความหมายปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา

ที่มาของคำพังเพย

มาจากผลงานประพันธ์ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา แต่งเป็นกลอนแปด ๔ บท เพื่ออธิบายและขยายความภาษิต โดยใช้คำง่าย ๆ เข้าใจง่าย และมีความไพเราะ

เนื้อหาให้ข้อคิด ชี้ให้เห็นความสำคัญตามลำดับ ได้แก่ การพูด การคิดคำนวณ การศึกษาเล่าเรียน และความดีงาม ว่าแต่ละสิ่งมีความสำคัญเช่นไร คำพังเพยนี้ให้ข้อคิดสำคัญเกี่ยวกับการประเมินและพัฒนาตัวเอง โดยชี้ถึงความสำคัญตามลำดับ ได้แก่

  1. ปากเป็นเอก → การพูดหรือการสื่อสารสำคัญที่สุด
  2. เลขเป็นโท → ความสามารถในการคิดคำนวณหรือการใช้เหตุผลรองลงมา
  3. หนังสือเป็นตรี → การศึกษาและความรู้จากหนังสือเป็นลำดับต่อมา
  4. ชั่วดีเป็นตรา → คุณธรรมและความประพฤติชั่วดีเป็นสิ่งที่คนจดจำ และกลายเป็นตราประทับบ่งบอกตัวตนของบุคคล

โดยรวมคำพังเพยนี้สอนให้เราเห็นว่าการพูด การคิด การเรียนรู้ และความดี ต่างมีความสำคัญในชีวิตคน แต่ละด้านควรได้รับการพัฒนาและรักษาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้บุคคลสมบูรณ์และเป็นที่จดจำด้วยคุณธรรม

ตัวอย่างการใช้คำพังเพย

  • อาทิตย์ เขาเจรจาต่อรองกับคู่ค้าด้วยน้ำเสียงมั่นใจ คำนวณต้นทุนอย่างรอบคอบ อ่านข้อมูลสัญญาอย่างละเอียด และยึดมั่นความซื่อสัตย์ นี่แหละตัวอย่างของปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา (แสดงให้เห็นว่าการพูด การคิด การเรียนรู้ และคุณธรรมต้องไปพร้อมกัน)
  • บริษัทจัดงานใหญ่ล้มเหลว หลักการปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา ถูกละเลย ผู้จัดงานสื่อสารไม่ชัดเจน คำนวณค่าใช้จ่ายผิดพลาด ไม่ตรวจสอบข้อมูลและคู่สัญญา และประพฤติไม่ซื่อสัตย์ ทำให้ลูกค้าไม่พอใจ งานล่าช้า และเสียชื่อเสียง (การละเลยด้านเหล่านี้นำมาซึ่งความล้มเหลวและปัญหา)
  • ผู้จัดการบริษัทเจรจาธุรกิจสำเร็จ ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา เขาพูดจาชัดเจนโน้มน้าวคู่ค้า คำนวณต้นทุนและกำไรอย่างแม่นยำ ศึกษาสัญญาและข้อมูลตลาดอย่างรอบด้าน และปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์ ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นและขยายงานได้อย่างมั่นคง (การสื่อสาร ความคิด ความรู้ และคุณธรรมรวมกันสร้างความสำเร็จ)
  • คนบางคนมักพูดจาสับสน ไม่สามารถอธิบายความคิดตัวเองได้ คำนวณตัวเลขผิดพลาด อ่านหนังสือและข้อมูลไม่รอบคอบ อีกทั้งประพฤติชั่วไม่คำนึงถึงใคร ทำให้เพื่อนร่วมงานสับสนและเสียความไว้วางใจ นี่แหละตัวอย่างตรงข้ามปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา (แสดงให้เห็นว่าการขาดทั้งการสื่อสาร ความคิด ความรู้ และคุณธรรม นำมาซึ่งปัญหา)
  • นักเรียนสอบแข่งขันโดยไม่เตรียมตัว พูดไม่ชัดเจน ใช้เหตุผลผิดพลาด ไม่สนใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมความรู้ และประพฤติไม่สุภาพต่อเพื่อนและครู ผลลัพธ์คือคะแนนต่ำและเสียชื่อเสียง (สะท้อนว่าการละเลยหลักการปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา ทำให้ความสามารถและคุณธรรมไม่สามารถสนับสนุนกันได้)