รู้จักสำนวนกระต่ายแหย่เสือ ที่มาและความหมาย

สำนวนกระต่ายแหย่เสือ

สำนวนหมวดหมู่ ก. กระต่ายแหย่เสือ

กระต่ายแหย่เสือหมายถึง

กระต่ายแหย่เสือ” หมายถึง การที่ผู้น้อยหรือผู้ที่มีอำนาจน้อยกว่า กล้าล้อเล่นหรือท้าทายกับผู้ที่มีกำลังหรืออำนาจเหนือกว่า ซึ่งการกระทำเช่นนี้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายได้ สำนวนนี้แฝงไปด้วยความหมายของการทำในสิ่งที่เกินขอบเขตหรือท้าทายอำนาจโดยประมาท ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา การเปรียบเปรยถึงกระต่ายที่แหย่เสือสะท้อนถึงความไม่รอบคอบหรือบ้าบิ่นของผู้ที่กล้าท้าทายผู้ที่มีอำนาจบารมีมากกว่า แม้จะรู้ว่าอาจต้องเผชิญผลที่รุนแรง กล่าวคือ “การไปล้อเล่น ท้าทายกับผู้ที่มีอำนาจ บารมีมากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้” นั่นเอง

ที่มาและความหมายกระต่ายแหย่เสือ

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากนทานชาดกพื้นบ้านเรื่องหนึ่ง โดยมีเนื้อเรื่องว่า เรื่องนี้เล่าถึงกระต่ายที่ต้องการแก้แค้นเสือที่ชอบจับกระต่ายกิน กระต่ายใช้เล่ห์กลแหย่จมูกเสือและแกล้งหลอกเสือให้กินขี้ควาย โดยบอกว่าเป็นข้าวเหนียวเปียกของพระอินทร์ เสือหลงเชื่อและกินขี้ควาย ทำให้โกรธกระต่ายมากและไล่ตาม กระต่ายแกล้งเสือต่อด้วยการหลอกให้เสือฟังเสียง “ฆ้องของพระอินทร์” แต่แท้จริงแล้วเป็นรังผึ้ง เมื่อเสือฟาดรังผึ้ง ฝูงผึ้งก็ต่อยเสือจนบวม เสือโกรธมากยิ่งขึ้น

กระต่ายวิ่งหนีมาถึงแม่น้ำและคิดอุบายหลอกจระเข้ให้เรียงตัวเป็นสะพานเพื่อให้ข้ามแม่น้ำ แต่จระเข้แก่ตัวหนึ่งรู้ทัน จึงดำน้ำทำให้กระต่ายตกน้ำ กระต่ายพยายามตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งจนสำเร็จ และรีบวิ่งหนีไป ทำให้เสือไม่สามารถจับกระต่ายได้ทันและกระต่ายรอดพ้นไปอย่างปลอดภัย

เนื้อเรื่องเต็ม: มีเสือตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ กระต่ายตัวหนึ่งเดินผ่านมา เห็นเสือกำลังนอนหลับ อยู่นึกโกรธว่าเสือชอบจับกระต่ายกินนัก จึงถอนต้นหญ้าเอามาแหย่จมูกเสือ เสือตกใจตื่นขึ้น เห็นกระต่ายจึงบอกว่า “อย่าเล่นน่า” แล้วเสือก็หลับต่อไป กระต่ายก็ถอนต้นหญ้าแหย่จมูกเสืออีก เสือโกรธมากจึงบอกว่า “เหม่! เดี๋ยวข้าจับกินเสียหรอก”

กระต่ายเห็นเสือโกรธเช่นนั้นจึงวิ่งหนี เสือก็ไล่ตามกระต่าย กระต่ายวิ่งไปเจอขี้ควายเข้ากองหนึ่ง คิดอุบายที่จะแกล้งเสือ จึงหาดอกไม้มาปักรอบ ๆ กองขี้ควาย แล้วนั่งลงเอากิ่งไม้โบกไล่แมลงวัน ปากก็บ่นพึมพำว่า “ข้าวเหนียวเปียกพระอินทร์ ใครมากินพระอินทร์จะแช่ง”

เสือวิ่งตามมา พบกระต่ายแกล้งทำเป็นไม่เห็น มือปัดแมลงวัน ปากพึมพำว่า “ข้าวเหนียวเปียกพระอินทร์ ใครมากินพระอินทร์จะแช่ง” เสือเห็นกระต่ายดังนั้นก็สงสัยจึงถามว่า “ทำอะไรน่ะ”
กระต่ายตอบว่า “ก็คอยปัดแมลงวันไม่ให้มาตอมข้าวเหนียวเปียกของพระอินทร์นี่ไงล่ะ” และชี้ให้ดูกองขี้ควายซึ่งมีดอกไม้คลุมอยู่เต็ม เสือมองดูดอกไม้แล้วพูดว่า “น่ากินดีนี่ ขอ ลองกินสักคำเถอะ”

กระต่ายตอบว่า “ไม่ได้ ถ้ากินพระอินทร์ก็จะแช่งนะ” เสือลังเล แต่ความอยากกินมีมากกว่า
“ก็อย่าให้พระอินทร์รู้สิ ขอสักคำเดียวเท่านั้น” เสือพูด
“ไม่ได้” กระต่ายตอบเสียงแข็ง และแกล้งพึมพำว่า “ข้าวเหนียวเปียกพระอินทร์ ใครมากินพระอินทร์จะแช่ง”
เสืออยากกินมากขึ้น
“เถอะน่า ขอกินคำเดียวเท่านั้น เราเป็นเพื่อนกันนะ”
กระต่ายแกล้งทำเป็นอิดเอื้อน ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ตามใจ กินก็กิน แต่ต้องให้ข้าวิ่งไปไกล ๆ ก่อนนะ เดี๋ยวพระอินทร์มาพบเข้าข้าก็จะแย่”

กระต่ายพูด เสือพยักหน้าตกลง กระต่ายจึงวิ่งหนีไปสุดแรงของมัน เมื่อไปไกลพอที่เห็นว่าเสือจะตามมาไม่ทันง่าย ๆ จึงตะโกนบอกว่า “กินเถอะ ขืนนั่งอยู่ที่นี่ พระอินทร์มาพบเข้า ว่าข้าปล่อยให้แกกินข้าวเหนียวเปียกของท่าน ข้าก็แย่”
เสือตอบว่า “ตกลง”
เสือขย้ำกองดอกไม้เข้าเต็มที่ ขี้ควายเลอะเต็มหน้า ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว เสือรู้สึกโกรธมาก “ไอ้กระต่ายหลอกลวง ข้าจะต้องจับมันกินเสียให้ได้” เสือนึก

จากนั้นจึงวิ่งไล่ตามกระต่ายไปโดยเร็ว ข้างฝ่ายกระต่ายวิ่งมาได้พักหนึ่งก็เห็นรังผึ้ง ก็เกิดความคิดที่จะแกล้งเสืออีก จึงหาไม้ท่อนหนึ่งมาถือ พร้อมกับนั่งลงบ่นพึมพำว่า “เสียงฆ้องของพระอินทร์ ใครได้ยินจะเป็นสุขนัก”

เสือไล่ตามมาทัน เห็นกระต่ายนั่งถือท่อนไม้ หลับตา และนั่งบ่นพึมพำอยู่ก็สงสัยนัก จึงถามว่า “ทำอะไรน่ะ”
กระต่ายตอบ “เฝ้าฆ้องพระอินทร์น่ะสิ”
“ฆ้องพระอินทร์ดียังไง” เสือสงสัย
“อ๋อ ก็มีเสียงเพราะที่สุดละ ใครได้ยินเข้า จะเป็นสุขมากทีเดียว”
เสือได้ยินดังนั้น ก็เกิดอยากฟังเสียงฆ้องขึ้นมาทันที
“ช่วยตีให้ฟังสักทีเถอะน่า”
“ไม่ได้ ๆ พระอินทร์ท่านสั่งไว้ ไม่ให้ใครตีฆ้องนี้เป็นอันขาด ข้าจึงต้องมาคอยเฝ้าอยู่ไงล่ะ”
“เถอะน่า ข้าตีเองก็ได้” เสือพูด
กระต่ายแกล้งทำเป็นอิดเอื้อน ในที่สุดก็บอกว่า “ตามใจ แต่ต้องให้ข้าวิ่งไปให้ไกลเสียก่อนนะ ขืนนั่งอยู่ที่นี่ พระอินทร์มาพบเข้า ว่าข้าปล่อยให้แกตีฆ้องของท่าน ข้าก็แย่”
“ตกลง วิ่งไป เร็ว ๆ เข้าสิ”
“ต้องให้ข้าบอกว่า ตีเถอะ ก่อนนะ จึงค่อยตี”
เสือพยักหน้า

กระต่ายรีบวิ่งออกไปโดยเร็วที่สุด เมื่อไปได้ไกลพอเห็นว่าเสือจะตามไม่ทันแล้ว กระต่ายก็ตะโกนบอกว่า “ตีเถอะ”
เสือยกท่อนไม้ขึ้นฟาดตูมลงไปที่รังผึ้ง รังผึ้งแตกกระจาย ฝูงผึ้งกรูเข้าเล่นงานเสือ ต่อยหน้าตาเสือบวมหมด เสือรู้สึกโกรธยิ่งนัก “ไอ้กระต่ายหลอกลวง ข้าจะต้องจับมันกินเสียให้ได้” เสือนึก

จากนั้นจึงวิ่งไล่ตามกระต่ายไปโดยเร็ว กระต่ายวิ่งไป วิ่งไป นึกในใจว่า ทีนี้เสือคงจะเจ็บไม่น้อย สมน้ำหน้าอยากจับพวกกระต่ายกินเก่งนัก แต่เสือก็คงโกรธมากเหมือนกัน กระต่ายคิด เราจะต้องรีบหนีไปให้พ้น

พอดีกระต่ายวิ่งมาถึงริมแม่น้ำ จะข้ามไปก็ไม่ได้ ขืนคอยอยู่ ประเดี๋ยวเสือก็จะตามมาทัน กระต่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกอุบายขึ้นมาได้ จึงร้องตะโกนลงไปที่แม่น้ำว่า “จระเข้ทั้งหลาย เร็ว ๆ เข้า พระอินทร์รับสั่งให้หา”

จระเข้ได้ยินเข้าก็ตกใจกลัว พากันรีบลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ กระต่ายบอกว่า “พระอินทร์ท่านสั่งให้เราไปธุระทางฝั่งโน้น ให้พวกท่านเรียงแถวเข้าเป็นสะพานให้เราเดินข้ามไปเดี๋ยวนี้”

จระเข้แก่ตัวหนึ่งรู้ว่าเป็นอุบายของกระต่าย พอกระต่ายมาถึงตนก็แกล้งดำน้ำลงไปเสีย กระต่ายตกลงไปในน้ำ รู้สึกกลัวเป็นอันมาก
“จระเข้รู้ทันเราเสียแล้ว” มันคิด “เราไม่ควรหลอกเขาเลย”

ตอนที่จระเข้แก่ดำน้ำลงไปนั้น เป็นตอนใกล้ฝั่ง กระต่ายจึงตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งได้ แต่ก็สำลักน้ำอยู่หลายครั้ง พอขึ้นฝั่งได้ กระต่ายรีบวิ่งหนีไปไม่เหลียวหลัง เมื่อเสือมาถึงฝั่งแม่น้ำ กระต่ายก็วิ่งไปไกลเสียแล้ว

ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • สมชายที่เพิ่งเข้าทำงานใหม่ พูดจาล้อเลียนและวิจารณ์ผู้จัดการอย่างไม่เกรงใจ ทำให้พนักงานคนอื่นเตือนว่าเขากำลังทำเหมือนกระต่ายแหย่เสือ เพราะผู้จัดการคนนี้มีอำนาจและมีประสบการณ์สูงกว่า (แสดงถึงการไม่เคารพผู้มีอำนาจและเสี่ยงที่จะสร้างปัญหาให้ตัวเอง)
  • นักเรียนมัธยมต้นกลุ่มหนึ่งคิดว่าการแกล้งหยอกครูใหญ่ที่เข้มงวดเป็นเรื่องสนุกสนาน โดยไม่รู้เลยว่าครูใหญ่กำลังจับตามองพวกเขาอยู่ และพร้อมจะลงโทษทันทีที่พบพฤติกรรมไม่เหมาะสม (การล้อเล่นกับผู้ที่มีอำนาจมากกว่าและไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา)
  • ผู้บริหารใหม่ของบริษัทเล็ก ๆ พยายามท้าทายอำนาจของผู้บริหารระดับสูงในที่ประชุม โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาจากการกระทำเช่นนั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเส้นทางการทำงานของเขาเอง (การแสดงความไม่เคารพต่อผู้มีอำนาจสูงกว่าและเสี่ยงต่อความมั่นคงของตัวเอง)
  • ในสนามแข่งขัน สมฤทธิ์ซึ่งเป็นนักกีฬามือสมัครเล่น ใช้คำพูดหยามเกียรตินักกีฬามืออาชีพที่มีชื่อเสียง ทำให้นักกีฬามืออาชีพรู้สึกไม่พอใจ และเตรียมที่จะสั่งสอนสมฤทธิ์ในสนาม (การท้าทายผู้ที่มีฝีมือหรืออำนาจเหนือกว่า ซึ่งอาจนำไปสู่ความอันตรายต่อตนเอง)
  • เด็กในหมู่บ้านคิดจะข่มขู่เจ้าพ่อประจำหมู่บ้านเพราะไม่พอใจในกฎระเบียบที่ตั้งไว้ แต่ชาวบ้านเตือนว่าการกระทำเช่นนี้ก็เหมือนกระต่ายแหย่เสือ ซึ่งอาจทำให้เด็กคนนั้นต้องพบกับปัญหาใหญ่หลวงได้ (การท้าทายผู้มีอำนาจมากกว่าตนเองโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ)

สำนวน, สุภาษิต, และคำพังเพยที่คล้ายกัน

  • น้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ หมายถึง: การที่ไม่ควรขัดขวางหรือท้าทายผู้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธหรือมีอำนาจ เพราะอาจนำมาซึ่งความเดือดร้อนและอันตรายต่อตนเอง เปรียบเหมือนการไม่ควรขัดขวางกระแสน้ำเชี่ยวที่ไหลแรง
  • ขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก หมายถึง: การทำสิ่งที่ท้าทายหรือเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจหรือสิ่งที่อันตราย เมื่อเริ่มต้นไปแล้วก็จะถอนตัวออกได้ยาก ต้องเผชิญกับผลที่ตามมา ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย ๆ
  • อย่าแหย่เสือหลับ หมายถึง: การไปกระตุ้นหรือท้าทายผู้ที่มีอำนาจมากกว่า หรือผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะสงบสุขแต่มีศักยภาพในการตอบโต้ที่รุนแรง เปรียบเสมือนการไปกวนเสือที่กำลังนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้เสือตื่นขึ้นมาและโต้ตอบอย่างรุนแรง สำนวนนี้ใช้เตือนใจว่าไม่ควรไปก่อกวนหรือสร้างปัญหาให้กับผู้ที่มีอำนาจหรืออันตรายมากกว่า เพราะอาจเกิดผลเสียต่อผู้ท้าทายเองได้

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก WORDY GURU