สุภาษิตความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

รู้จักสุภาษิตความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ที่มาและความหมาย

สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ค. ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด หมายถึง

สุภาษิต “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” หมายถึง คนที่มีความรู้มาก แต่ไม่สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริง หรือขาดไหวพริบในการแก้ปัญหา ทำให้ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ เปรียบถึงคนที่มีความรู้เชิงทฤษฎีแต่ขาดความสามารถในการปฏิบัติหรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์จริง กล่าวคือ “คนมีความรู้มากแต่ไม่รู้จักใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์” นั่นเอง

ที่มาและความหมายความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ที่มาของสุภาษิต

สุภาษิตนี้สะท้อนแนวคิดของคนโบราณที่มองว่าความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิต หากปราศจากไหวพริบ ปฏิภาณ และความสามารถในการนำไปใช้จริง

คำว่า “ความรู้ท่วมหัว” เปรียบเปรยถึงคนที่มีความรู้มากมาย เรียนสูง หรือมีข้อมูลจำนวนมาก ในขณะที่ “เอาตัวไม่รอด” หมายถึง การที่บุคคลนั้นไม่สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือแก้ไขปัญหาในชีวิตจริงได้

สุภาษิตนี้py’สะท้อนถึงความสำคัญของการนำความรู้มาปฏิบัติจริง (ปัญญา) ไม่ใช่เพียงการท่องจำหรือมีความรู้เชิงทฤษฎีเพียงอย่างเดียว แนวคิดนี้คล้ายกับคำสอนในพุทธศาสนาที่กล่าวว่า “ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ” ซึ่งหมายถึง การเรียนรู้ การปฏิบัติ และการเข้าถึงผลของความรู้ หากขาดการปฏิบัติ ความรู้ก็จะไม่มีประโยชน์

สุภาษิตนี้จึงเป็นคำเตือนว่าแม้มีความรู้มากเพียงใด หากขาดไหวพริบและความสามารถในการปรับตัว ก็ไม่สามารถเอาตัวรอดในชีวิตจริงได้ และยังเป็นคำตำหนิ สำหรับผู้ที่มีความรู้สูง แต่ไม่สามารถปรับใช้ความรู้นั้นให้เกิดประโยชน์ในชีวิตจริง หรือหลงอยู่กับตำราจนละเลยทักษะที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต เช่น ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คิดวิเคราะห์หรือตัดสินใจได้ดี

ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • สมชายเรียนจบปริญญาเอกด้านบริหารธุรกิจ แต่เมื่อต้องมาทำงานจริงกลับไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ จนลูกน้องต้องคอยช่วย หัวหน้าจึงพูดว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เรียนสูงแต่ไม่มีไหวพริบก็ลำบาก” (สะท้อนว่าความรู้เพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีไหวพริบในการทำงานด้วย)
  • นางสาวศรีท่องตำราแพทย์ได้ทุกหน้า แต่เมื่อต้องรักษาคนไข้จริงกลับตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูก เพื่อนร่วมงานจึงแซวว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด รู้เยอะก็จริง แต่ต้องใช้ให้เป็นด้วย” (เปรียบถึงคนที่มีความรู้มากแต่ขาดทักษะปฏิบัติ)
  • นายดำอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมากมาย แต่เมื่อลงสนามจริงกลับตัดสินใจผิดพลาดจนขาดทุน เพื่อนนักลงทุนจึงพูดว่า “นี่แหละความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ทฤษฎีแน่นแต่ปฏิบัติไม่ได้” (เตือนว่าเพียงแค่มีความรู้เชิงทฤษฎีไม่พอ ต้องรู้จักนำไปใช้ให้ถูกต้อง)
  • ครูใหญ่สังเกตเห็นว่านักเรียนบางคนสอบได้คะแนนสูง แต่เมื่อต้องทำงานจริงกลับทำอะไรไม่เป็น จึงสอนว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เรียนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้จักแก้ปัญหาด้วย” (เตือนให้นักเรียนฝึกฝนการนำความรู้ไปใช้จริง)
  • นายโต้งอ่านตำราทำอาหารมาหลายเล่ม แต่เมื่อลองทำจริงกลับทำให้อาหารไหม้และรสชาติแย่ แม่จึงบอกว่า “รู้มากแต่ทำไม่เป็นก็เท่านั้น ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดจริง ๆ” (แสดงให้เห็นว่าความรู้ที่ไม่ได้ลงมือทำจริงอาจไม่มีประโยชน์)