สุภาษิตไทยหมวดหมู่ น. น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง
น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง หมายถึง
สุภาษิต “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” หมายถึง คนที่พูดมาก พูดเยอะ แต่พูดไม่มีสาระ หรือเนื้อหาสำคัญน้อย พูดวกไปวนมา ฟังดูยิ่งใหญ่หรือดูเหมือนมีเนื้อหา แต่แท้จริงแล้วกลับไม่มีอะไรเป็นสาระให้จับต้องได้ เปรียบเสมือนน้ำที่เอ่อล้นท่วมไปทั่วทุ่ง แต่กลับมีผักบุ้งขึ้นน้อยนิด แสดงถึงสิ่งที่ดูเหมือนจะมาก แต่เนื้อแท้กลับน้อยหรือว่างเปล่า กล่าวคือ “คนที่พูดมากแต่ได้เนื้อหาสาระน้อย” นั่นเอง

ที่มาของสุภาษิต
มาจากการเปรียบเปรยในเชิงประชดประชัน โดยใช้ภาพของน้ำที่เอ่อล้นเต็มคลอน้ำ ลำธาร หรือทุ่งนา แต่กลับมีผักบุ้งขึ้นอย่างเบาบาง เพื่อสื่อให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่าง “ปริมาณที่ดูมาก” กับ “เนื้อหาที่มีอยู่น้อย” ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของคนที่พูดมากแต่ไร้สาระ กล่าวยืดยาวโดยไม่มีเนื้อหาแท้จริงให้จับต้อง
สุภาษิตนี้จึงมักถูกใช้ในเชิงตำหนิหรือตักเตือน ให้พูดในสิ่งที่ตรงประเด็น มีสาระ และหลีกเลี่ยงการพูดมากเกินจำเป็นจนทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
- ประชุมทั้งชั่วโมง หัวหน้าพูดซะยืดยาว แต่ไม่มีข้อสรุปอะไรสักอย่าง นี่แหละเขาว่า “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” พูดเยอะ แต่ไม่มีเนื้อหาเลย (ใช้สุภาษิตเพื่อสรุปความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงหลังเหตุการณ์)
- งานเขียนของเขายาวเป็นสิบหน้า แต่พออ่านแล้วจับประเด็นไม่ได้เลย เหมือน “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” เนื้อหาน้อยกว่าคำพูดเยอะ (ใช้สุภาษิตเปรียบเทียบความไม่สมดุลระหว่างความยาวกับเนื้อหา)
- เพื่อนในกลุ่มพรีเซนต์ซะเวิ่นเว้อจนหมดเวลา สุดท้ายกรรมการยังงงว่าสรุปเสนออะไร แบบนี้ก็เข้าทำนอง “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” พูดไปเยอะ แต่เปล่าประโยชน์ (สุภาษิตถูกนำมาใช้หลังเล่าปัญหาแบบเป็นธรรมชาติ)
- ฟังสัมภาษณ์ผู้สมัครคนนี้แล้วนึกถึงสุภาษิต “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” จริง ๆ พูดคล่องแคล่วแต่ไม่มีอะไรให้เชื่อถือได้เลย (เชื่อมเหตุการณ์จริงกับสุภาษิตเพื่อวิจารณ์)
- ตอนประชุมโครงการ เจ้านายเล่าถึงวิสัยทัศน์ตั้งนาน แต่พอถามถึงแผนปฏิบัติกลับตอบไม่ได้ ฟังแล้วนึกถึงคำว่า “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” ขึ้นมาทันที (สุภาษิตกลายเป็นบทสรุปของสิ่งที่รู้สึกหลังฟังคำพูด)