รู้จักสำนวนกวนน้ำให้ขุ่น ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. กวนน้ำให้ขุ่น

กวนน้ำให้ขุ่น หมายถึง

สำนวน “กวนน้ำให้ขุ่น” หมายถึง การทำให้สถานการณ์ที่สงบเรียบร้อยกลับยุ่งเหยิงหรือแย่ลง หรือการสร้างความสับสนและวุ่นวายให้กับเรื่องที่ไม่มีปัญหา เปรียบเหมือนการกวนน้ำที่ใสให้กลายเป็นน้ำขุ่น ทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ยากขึ้น สื่อถึงการกระทำที่ทำให้สถานการณ์ที่ชัดเจนหรือเรียบร้อยกลับสับสนและมีปัญหาขึ้นมา กล่าวคือ “ทำเรื่องราวที่สงบอยู่แล้วให้เกิดเป็นปัญหาขึ้นมา” นั่นเอง

ที่มาและความหมายกวนน้ำให้ขุ่น

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากการเปรียบเทียบกับการกวนน้ำที่ใสสะอาด ซึ่งทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ใต้น้ำได้ชัดเจน เมื่อกวนน้ำให้ขุ่น จะทำให้น้ำไม่ใสและมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำอีกต่อไป เปรียบเสมือนกับการสร้างความยุ่งยากหรือความสับสนให้กับสถานการณ์ที่เคยสงบเรียบร้อยหรือชัดเจน กลายเป็นเรื่องที่มีปัญหาหรือมองไม่ออก

การใช้สำนวนนี้สะท้อนถึงการกระทำที่ไม่จำเป็นหรือเป็นการจงใจสร้างปัญหาหรือความวุ่นวาย ทำให้สถานการณ์ที่เคยเรียบร้อยกลับแย่ลง

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • ทุกคนกำลังคุยกันเข้าใจดีแล้ว แต่เขากลับมาพูดแทรกทำให้กวนน้ำให้ขุ่นไปหมด (หมายถึงการแทรกเข้ามาทำให้การสนทนาที่เข้าใจกันดีแล้วเกิดความสับสน)
  • โครงการนี้กำลังจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่มีคนบางคนคอยกวนน้ำให้ขุ่น พูดแต่ปัญหาทำให้คนอื่นลังเล (หมายถึงการสร้างปัญหาหรือทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยในโครงการที่กำลังไปได้ด้วยดี)
  • ในที่ประชุม ทุกคนกำลังตกลงกันได้ แต่เขาเข้ามากวนน้ำให้ขุ่น ทำให้การตัดสินใจช้าลง (หมายถึงการเข้ามาทำให้บรรยากาศหรือการตัดสินใจในที่ประชุมล่าช้าหรือยุ่งยาก)
  • งานก็เดินไปได้ปกติอยู่แล้ว แต่เขาดันเข้ามากวนน้ำให้ขุ่น พูดเรื่องที่ไม่เกี่ยว ทำให้ทีมเสียเวลา (หมายถึงการแทรกเข้ามาด้วยเรื่องที่ไม่สำคัญ ทำให้งานช้าหรือเกิดความสับสน)
  • เราตกลงกันดีอยู่แล้ว แต่นายประสงค์ก็มากวนน้ำให้ขุ่นเสียอีก ทำให้ทุกคนเริ่มไม่พอใจ (หมายถึงการที่ประสงค์เข้ามาทำให้สถานการณ์ที่ตกลงกันได้กลับยุ่งเหยิงและเกิดความไม่พอใจในกลุ่ม)

สำนวน, สุภาษิต, คำพังเพย ที่คล้ายสำนวนนี้

  • ชักใบให้เรือเสีย หมายถึง: การกระทำหรือคำพูดที่ทำให้เรื่องที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นเกิดปัญหาหรือเสียหาย

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนไกลปืนเที่ยง ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. ไกลปืนเที่ยง

ไกลปืนเที่ยง หมายถึง

สำนวน “ไกลปืนเที่ยง” หมายถึง สถานที่ห่างไกลจากความเจริญ หรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่ได้รับรู้ข่าวสารหรือวัฒนธรรมจากภายนอกมากนัก มักใช้เพื่อบอกถึงสถานที่หรือคนที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์หรือการพัฒนาทางสังคม คล้ายกับการอยู่ในถิ่นทุรกันดาร กล่าวคือ “คนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ” นั่นเอง

ที่มาและความหมายไกลปืนเที่ยง

ที่มาของสำนวนนี้

สำนวนนี้ที่มาจากยุคโบราณที่ใช้ปืนใหญ่เป็นสัญญาณบอกเวลาในช่วงเที่ยงวัน ซึ่งปืนใหญ่มักประจำการอยู่ในเมืองหลวงหรือศูนย์กลางของเมืองที่เจริญ ดังนั้นผู้ที่อยู่ไกลออกไปจากเมืองจึงไม่สามารถได้ยินเสียงปืนสัญญาณนี้

การบอกเวลาของคนไทยในยุคโบราณที่ใช้ปืนใหญ่ ประจำการในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เพื่อยิงเป็นสัญญาณบอกเวลาเที่ยงวัน เสียงปืนนี้ใช้เพื่อให้คนในเมืองรู้เวลาและสามารถจัดกิจกรรมหรือนัดหมายได้ตามความเจริญที่มีอยู่เฉพาะในเมืองใหญ่

ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ เช่น ชนบทหรือพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก มักจะไม่ได้ยินเสียงปืนเที่ยง และไม่สามารถรับรู้เวลาได้ จึงใช้คำว่า “ไกลปืนเที่ยง” เป็นสำนวนที่สื่อถึงคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากความเจริญ ขาดการติดต่อกับโลกภายนอก และไม่ค่อยได้รับรู้ข่าวสารหรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สำนวนนี้สะท้อนวิถีชีวิตของคนไทยสมัยก่อนที่มีความแตกต่างระหว่างพื้นที่เมืองและชนบทอย่างชัดเจน

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • หมู่บ้านนี้ห่างไกลความเจริญ ถนนยังเป็นดินลูกรังอยู่ เรียกได้ว่าไกลปืนเที่ยงจริง ๆ (หมายถึงหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลและขาดความเจริญพื้นฐาน)
  • คุณป้าอยู่ในชุมชนห่างไกล ถึงกับไม่รู้จักเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหมือนคนไกลปืนเที่ยง (หมายถึงการที่คุณป้าขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีเพราะอยู่ในที่ห่างไกล)
  • เด็ก ๆ ในพื้นที่นี้ไม่ได้เรียนออนไลน์ เพราะเป็นแถบไกลปืนเที่ยง ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเลย (แสดงถึงพื้นที่ห่างไกลที่ขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความเจริญ)
  • เขาทำตัวเหมือนคนไกลปืนเที่ยง ไม่เคยรู้เรื่องราวทันสมัยหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกเลย (หมายถึงคนที่ไม่มีความรู้ทันสมัย หรือไม่ได้ติดตามข่าวสาร)
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ถึงกับตกใจ บอกว่าดูเหมือนไกลปืนเที่ยง ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือร้านค้าอะไรเลย (แสดงถึงหมู่บ้านที่ขาดความเจริญจนผู้มาเยือนรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในถิ่นห่างไกล)

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนไก่บินไม่ตกดิน ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. ไก่บินไม่ตกดิน

ไก่บินไม่ตกดิน หมายถึง

สำนวน “ไก่บินไม่ตกดิน” หมายถึง บริเวณที่มีอาคารบ้านเรือนหนาแน่นแออัดจนไม่มีพื้นที่ว่าง หลังคาติดกัน เปรียบเสมือนการที่ไก่บินผ่าน แต่ไม่สามารถตกถึงพื้นได้เพราะมีสิ่งกีดขวางเต็มพื้นที่ บินไปก็ตกถึงหลังคา หาพื้นหาดินไม่เจอ ซึ่งแสดงถึงความแออัดของบ้านเรือนที่ตั้งติดกันโดยไม่มีพื้นที่ว่าง ทั้งในชุมชนเมืองใหญ่หรือเขตที่มีประชากรหนาแน่น กล่าวคือ “บริเวณที่มีอาคารบ้านเรือนหนาแน่นแออัด” นั่นเอง

ที่มาและความหมายไก่บินไม่ตกดิน

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนที่นิยมเลี้ยงไก่ตามบ้านและชุมชน ทำให้เห็นพฤติกรรมของไก่อยู่บ่อย ๆ เมื่อไก่บิน จะสังเกตได้ว่ามันต้องการลงสู่พื้นดินเพราะเป็นที่ที่ปลอดภัยและคุ้นเคย หากไก่บินผ่านพื้นที่ที่แออัดไปด้วยอาคารบ้านเรือน หรือมีหลังคาปกคลุมแน่นขนัดจนไม่มีที่ว่างให้ลง คนจึงนำภาพนี้มาเปรียบเทียบว่า ไก่บินไม่ตกดิน เพื่อสื่อถึงพื้นที่ที่มีความแออัดมากจนไม่มีช่องว่างให้ลงถึงพื้น

และเขตที่มีความหนาแน่นและคับคั่งของอาคารบ้านเรือนในไทยสมัยก่อน โดยเฉพาะที่สำเพ็ง ซึ่งเป็นย่านการค้าขายที่สำคัญ จำหน่ายสินค้าหลากหลายจากเมืองจีน เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ ผลไม้ และยังเป็นแหล่งรวมอบายมุขขนาดใหญ่ ทั้งโรงฝิ่น บ่อนการพนัน และสถานบริการหลายแห่ง ด้วยความหนาแน่นของอาคารบ้านเรือนในย่านนี้ ที่ต่างปลูกเรียงติดกันจนหลังคาเกยกันเต็มพื้นที่ ทำให้ผู้คนในยุคนั้นมองว่าหากไก่บินผ่านสำเพ็ง จะไม่มีที่ว่างให้ลงพื้นได้เพราะพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยหลังคาอาคารจนหมด สำนวนนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความแออัดของย่านชุมชนในเมืองใหญ่

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • ย่านนี้สร้างตึกสูงกันเต็มไปหมด เหมือนจะเป็นย่านไก่บินไม่ตกดินไปแล้ว (หมายถึงพื้นที่นี้มีอาคารสร้างอย่างหนาแน่นจนไม่มีที่ว่าง)
  • ตลาดเก่าของเมืองนี้ทั้งร้านค้าและบ้านคนเรียงติดกัน จนกลายเป็นย่านไก่บินไม่ตกดิน (บรรยายตลาดที่มีอาคารเรียงชิดกันหนาแน่นในลักษณะเหมือนกับสำนวน)
  • เวลาเดินผ่านสำเพ็ง รู้สึกเหมือนเดินในย่านไก่บินไม่ตกดิน เพราะร้านค้าตั้งเรียงรายกันแน่นขนัด (หมายถึงการเดินในพื้นที่ที่หนาแน่นด้วยอาคารหรือร้านค้า)
  • เมืองใหม่ที่กำลังขยายตอนนี้ ถ้าไม่วางผังเมืองดี ๆ อาจกลายเป็นไก่บินไม่ตกดินเหมือนเมืองเก่า (แสดงความกังวลเกี่ยวกับการสร้างเมืองใหม่ให้หนาแน่นเกินไปจนไม่มีที่ว่าง)
  • ฉันเคยไปเยาวราชตอนกลางคืน บรรยากาศเหมือนย่านไก่บินไม่ตกดิน ร้านค้าและผู้คนเยอะจนแทบไม่มีที่ยืน (หมายถึงเยาวราชมีร้านค้าและผู้คนหนาแน่นจนไม่มีพื้นที่ว่าง)

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนไก่แก่แม่ปลาช่อน ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. ไก่แก่แม่ปลาช่อน

ไก่แก่แม่ปลาช่อน หมายถึง

สำนวน “ไก่แก่แม่ปลาช่อน” หมายถึง ผู้หญิงที่มีมารยาและเล่ห์เหลี่ยมมากซึ่งมักใช้เพื่อเปรียบเปรยผู้หญิงที่มีอายุมากหรือมีประสบการณ์สูงในด้านการใช้กลวิธีและการโน้มน้าวใจคนอื่น โดยคำนี้เป็นสำนวนจากวรรณคดีไทยหลายเรื่องที่โดยเป็นคำที่คล้องจองพ้องกัน ดังนั้นจึงนำมาใช้ในสำนวนนี้เพื่อสื่อถึงผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว รู้จักวิธีจัดการกับคนอื่นด้วยการแสดงออกหรือพูดจาที่แฝงไปด้วยชั้นเชิง กล่าคือ “หญิงค่อนข้างมีอายุที่มีมารยาและเล่ห์เหลี่ยมมาก และมีกิริยาจัดจ้านเดิมพูดว่า กระต่ายแก่แม่ปลาช่อน” นั่นเอง

ที่มาและความหมายไก่แก่แม่ปลาช่อน

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากวรรณคดีไทย โดยเพี้ยนมาจากสำนวนเดิมว่า “กระต่ายแก่แม่ปลาช่อน” ซึ่งพบได้ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง เช่น เรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่ ที่พระอภัยมณีกล่าวกับนางสุวรรณมาลีว่า “ขี้เกียจเกี้ยวเคี่ยวขับข้ารับแพ้ กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนไม่หาย” ในบริบทนี้ สำนวนหมายถึงผู้หญิงที่มีแง่งอนและมารยา

นอกจากนี้ยังพบใน เรื่องคาวี พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่พระคาวีกล่าวถึงนางคันธมาลีว่า “ไม่พอที่ตีวัวกระทบคราด สัญชาติกระต่ายแก่แม่ปลาช่อน แสร้งสบิ้งสะบัดตัดรอน จะช่วยสอนให้ดีก็มิเอา”

ซึ่งสำนวน “กระต่ายแก่แม่ปลาช่อน” ในวรรณคดีทั้งสองเรื่องนี้มีความหมายเชิงลบ โดยเปรียบเทียบถึงผู้หญิงที่มีความแง่งอน เจ้าเล่ห์ และมารยา

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • คุณป้าคนนั้นไก่แก่แม่ปลาช่อนจริงๆ พูดจาหวานเหมือนจะช่วย แต่สุดท้ายก็หาผลประโยชน์เข้าตัวเอง (หมายถึงคุณป้าดูเหมือนเป็นมิตร แต่แท้จริงมีเล่ห์เหลี่ยมและหาผลประโยชน์ส่วนตัว)
  • ทำไมพี่ต้องฟังคำหวานของเขาด้วยล่ะ เขาเป็นไก่แก่แม่ปลาช่อน จะไว้ใจได้ยังไง(การเตือนว่าอีกฝ่ายมีเล่ห์เหลี่ยมและไม่น่าไว้วางใจ)
  • เจอแม่ค้าคนนี้ทีไร ต้องระวังไว้หน่อยนะ เห็นพูดน่ารักๆ แต่ไก่แก่แม่ปลาช่อนสุดๆ (หมายถึงแม่ค้าดูเป็นมิตรแต่มีเล่ห์เหลี่ยมในคำพูดเพื่อหวังผลทางการค้า)
  • เพื่อนร่วมงานคนนี้ไก่แก่แม่ปลาช่อน เล่นเกมการเมืองเก่ง ทำเหมือนจะช่วย แต่จริงๆ มีแผนแฝงอยู่ตลอด (หมายถึงเพื่อนร่วมงานที่ทำเหมือนจะช่วยเหลือ แต่แท้จริงแล้วมีแผนหรือจุดประสงค์แอบแฝง)
  • คุณนายบ้านตรงข้ามไก่แก่แม่ปลาช่อน พูดให้เราดีใจว่าจะช่วย แต่สุดท้ายก็ทำให้เราเสียเปรียบทุกครั้ง (หมายถึงคุณนายคนนั้นที่ดูเหมือนจะช่วยเหลือ แต่แท้จริงแล้วใช้มารยาและเล่ห์เหลี่ยมจนเราเสียเปรียบ)

สำนวน, สุภาษิต, คำพังเพย ที่คล้ายสำนวนนี้

  • สวยแต่รูป จูบไม่หอม หมายถึง: ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม แต่กิริยามารยาทและจิตใจไม่งดงามเหมือนหน้าตา

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจากสำนักงานราชบัณฑิตยสภา

รู้จักสำนวนไก่รองบ่อน ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. ไก่รองบ่อน

ไก่รองบ่อน หมายถึง

สำนวน “ไก่รองบ่อน” หมายถึง ผู้ที่อยู่ในฐานะตัวสำรอง หรือคนที่ถูกมองว่าไม่ใช่ตัวเลือกหลัก ในการทำงานหรือการแข่งขัน แต่จะถูกเรียกมาใช้เมื่อจำเป็นหรือเมื่อคนหลักไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เช่น การเปรียบเทียบกับไก่ที่ไม่ใช่ไก่หลักในการชนในบ่อน แต่จะถูกนำมาใช้แทนเมื่อไก่หลักไม่พร้อมหรือไม่สามารถแข่งขันได้ โดยมักจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีคุณค่าน้อยกว่าหรือไม่ค่อยได้รับโอกาสในบทบาทสำคัญ กล่าวคือ “ผู้ที่อยู่ในฐานะตัวสำรอง ซึ่งจะเรียกมาใช้เมื่อไรก็ได้” นั่นเอง

ที่มาและความหมายไก่รองบ่อน

ที่มาของสำนวนนี้

มีที่มาจากการชนไก่ ซึ่งเป็นการพนันที่นิยมในสมัยก่อน โดยในบ่อนพนันมักจะมีไก่ตัวหลัก ที่ได้รับการฝึกฝนและคาดหวังว่าจะชนะในการแข่งขัน ส่วนไก่รองบ่อน คือไก่ที่ไม่ได้เป็นตัวหลัก แต่จะถูกเตรียมไว้ในกรณีที่ไก่ตัวหลักไม่สามารถเข้าร่วมได้ หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การบาดเจ็บของไก่ตัวหลัก ไก่รองบ่อนจึงมีบทบาทเพียงเมื่อจำเป็น โดยมีคุณค่าน้อยกว่าตัวหลัก จึงถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับคนที่ไม่ใช่ตัวเลือกหลักในกลุ่มหรือในสถานการณ์หนึ่งๆ แต่สามารถถูกเรียกใช้ได้เมื่อจำเป็น.

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • วันนี้ทีมเราต้องใช้ไก่รองบ่อนลงสนาม เพราะผู้เล่นหลักบาดเจ็บหมด (หมายถึงนักเตะที่ไม่ใช่ตัวเลือกหลักถูกเรียกมาเล่นแทน เนื่องจากตัวหลักไม่พร้อม)
  • สวัสดีครับ อาทิตย์นี้ผมต้องไปร่วมประชุมแทนพี่สมชาย เพราะเขาติดงานสำคัญ (พนักงานใหม่พูดกับเพื่อนร่วมงาน ถูกเรียกมาทำหน้าที่แทนพี่สมชายที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้)
  • เพื่อนคนนี้รู้สึกว่าเขาเป็นไก่รองบ่อนตลอดเวลา เพราะทุกครั้งที่มีการประชุมใหญ่ๆ คนอื่นจะได้พูดแต่เขาไม่เคยมีโอกาส (เพื่อนรู้สึกว่าไม่เคยได้รับโอกาสหรือความสำคัญในกลุ่มเท่าคนอื่น)
  • เมื่อไหร่จะได้เป็นตัวหลักบ้างล่ะ? เหมือนกับการเป็นไก่รองบ่อนเลย เราก็มีความสามารถนะ (พนักงานในออฟฟิศพูดกับเจ้านาย รู้สึกว่าเธอไม่ค่อยได้รับโอกาสเหมือนคนอื่นในทีม)
  • คุณพอลนี่ไงเป็นไก่รองบ่อนของบริษัท ทุกครั้งที่มีโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ เขาจะถูกเรียกมาเมื่อไม่เหลือใครแล้ว (พอลถูกมองว่าไม่ใช่ตัวเลือกหลักในการทำงานใหญ่ แต่จะถูกใช้เมื่อไม่เหลือใครให้ทำ)

สำนวน, สุภาษิต, คำพังเพย ที่คล้ายสำนวนนี้

  • ตกเป็นเบี้ยล่าง หมายถึง: การตกเป็นรอง หรือใต้อำนาจ และเสียเปรียบผู้อื่น

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนแกะดำ ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. แกะดำ

แกะดำ หมายถึง

สำนวน “แกะดำ” หมายถึง คนที่ทำตัวผิดแผกจากคนส่วนใหญ่ หรือทำตัวไม่เหมือนคนทั่วไปในกลุ่ม เปรียบเปรยถึงแกะขนสีดำ ซึ่งผิดแปลกจากสีขนแกะของกลุ่มที่ปกติมีขนสีขาว เช่น คนที่ทำผิดประเพณี หรือไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ ซึ่งมักจะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่เหมาะสมหรือแปลกแยกจากสังคมที่ตั้งไว้ กล่าวคือ “คนที่ทำอะไรผิดเพื่อนผิดฝูงในกลุ่มนั้นๆ (ใช้ในทางไม่ดี)” นั่นเอง

ที่มาและความหมายแกะดำ

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากการเปรียบเทียบระหว่าง “แกะ” ที่โดยปกติจะมีขนสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยนและเป็นระเบียบเรียบร้อย กับ “แกะดำ” ที่มีขนสีดำ หายาก ซึ่งผิดปกติจากแกะทั่วไป เมื่อเปรียบเทียบกับคนในสังคมหรือกลุ่มที่ทำตัวผิดแผกจากคนส่วนใหญ่ หรือไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบในกลุ่ม จึงใช้คำว่า “แกะดำ” เพื่อบอกถึงคนที่ไม่เข้ากับสังคม หรือทำตัวแตกต่างจากคนอื่น ๆ

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • ในกลุ่มเพื่อนที่ชอบเที่ยวกลางคืน เขากลับเลือกที่จะอยู่บ้าน อ่านหนังสือ เขาทำตัวเป็นแกะดำชัดๆ (การทำตัวแตกต่างจากกลุ่มเพื่อนที่มีพฤติกรรมคล้ายกัน จึงถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่เข้ากับกลุ่ม)
  • พนักงานคนนี้ทำงานดี แต่การแต่งตัวไม่เป็นระเบียบเลย ถือว่าเป็นแกะดำในบริษัท (การที่พนักงานทำตัวแตกต่างจากมาตรฐานที่องค์กรคาดหวัง จึงถูกมองว่าไม่เหมาะสม)
  • เพื่อนคนนี้ไม่ชอบการกินอาหารจานเดียวเหมือนคนอื่นในกลุ่ม เราก็เลยเรียกเขาว่าแกะขนดำ (การที่เพื่อนคนนี้ทำตัวแตกต่างจากการทานอาหารแบบปกติในกลุ่ม จึงกลายเป็นคนที่ทำตัวแปลกไป)
  • ในโรงเรียนที่ทุกคนแต่งตัวเรียบร้อย คนนี้กลับแต่งตัวแหวกแนวมาก สีจี๊ดจ๊าดมาก นี่แกะดำชั้นดีเลยนะ (การแต่งตัวที่ไม่เหมือนคนอื่นในโรงเรียน ทำให้เขาดูแตกต่างและไม่เข้ากับสังคมที่ตั้งไว้)
  • เขาบอกว่าไม่สนใจการเมือง แต่ท่ามกลางเพื่อนที่พูดคุยกันเรื่องนี้ เขาก็เงียบ แกะดำจริงๆ (ในกลุ่มที่คนอื่นมีความสนใจในเรื่องการเมือง แต่เขากลับไม่แสดงออก ทำให้ดูเป็นคนที่แตกต่างจากกลุ่ม)

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนเกลือเป็นหนอน ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. เกลือเป็นหนอน

เกลือเป็นหนอน หมายถึง

สำนวน “เกลือเป็นหนอน” หมายถึง การที่คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เช่น ญาติมิตร สามีภรรยา หรือเพื่อนร่วมงาน กลับทรยศหรือทำร้ายกันเอง แทนที่จะช่วยเหลือหรือสนับสนุนกัน เปรียบเสมือนกับเกลือ (ที่มีประโยชน์) กลับกลายเป็นหนอน (ที่ไม่มีประโยชน์) กล่าวคือ “ญาติมิตร สามีภรรยา บุตรธิดา เพื่อนร่วมงาน หรือคนในบ้าน คิดคดทรยศ, ไส้เป็นหนอน ก็ว่า” นั่นเอง

ที่มาและความหมายเกลือเป็นหนอน

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากการใช้ภาพเปรียบเทียบระหว่างเกลือ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าหรือประโยชน์ในการรักษาอาหาร และหนอนที่เป็นศัตรูหรือสิ่งที่ทำลายความดีงามหรือคุณค่าของสิ่งนั้น ๆ

ในอดีต การเก็บรักษาเกลือไว้ใช้ในบ้านหรือชุมชนมักจะเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเกลือช่วยในการถนอมอาหาร เช่น การหมักหรือแปรรูปอาหารต่าง ๆ แต่หากเกลือถูกทิ้งไว้ในสภาพที่ไม่ดี หรือไม่มีการดูแลอย่างเหมาะสม ก็อาจจะมีหนอนมากัดกินหรือทำลายได้

การใช้คำว่า หนอน ที่มักจะเป็นสิ่งที่ทำลายและทำให้เสียหาย สะท้อนถึงการทรยศหรือการกระทำไม่ดีจากคนใกล้ชิดที่ทำลายความดีของคนที่มีคุณค่าหรือคนที่ไว้ใจ เช่นญาติมิตรหรือเพื่อนฝูง

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • ครอบครัวที่ดูเหมือนจะเป็นแบบอย่างของความรัก แต่สุดท้ายพ่อกับแม่กลับทรยศกันเอง เกลือเป็นหนอนจริง ๆ (ใช้เพื่อแสดงถึงการที่คนในครอบครัวที่ควรจะรักและสนับสนุนกันกลับทำร้ายกันเองอย่างไม่คาดคิด)
  • เคยคิดว่าเพื่อนสนิทจะช่วยเหลือกันเสมอ แต่สุดท้ายเขากลับไปบอกความลับที่เราเล่าให้เขาฟัง เกลือเป็นหนอนจริง ๆ (การที่เพื่อนสนิทกลับทำการทรยศหรือทำลายความไว้วางใจที่เรามีให้ ทำให้รู้สึกว่าเกลือกลับถูกหนอนกิน)
  • เธอบอกว่าเป็นคนซื่อสัตย์ แต่พอมีโอกาสกลับโกงคนอื่นไปทำไม เกลือเป็นหนอนชัด ๆ (ใช้สำนวนนี้เพื่อแสดงความผิดหวังเมื่อพบว่าใครบางคนที่เคยไว้ใจหรือเชื่อใจ กลับทำสิ่งที่ไม่ดี)
  • “พ่อแม่ที่พึ่งจะได้กลับมาพูดคุยกัน หลังจากที่เกิดปัญหาครอบครัว ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกว่าเกลือเป็นหนอนในบางครั้ง (แม้จะมีการกลับมาพูดคุยกัน แต่บางครั้งยังคงรู้สึกถึงความไม่สบายใจหรือความขัดแย้งที่มีอยู่ภายใน)
  • พี่ชายทำดีมาตลอด แต่กลับมาทำให้ครอบครัวแตกแยกแบบนี้ เกลือเป็นหนอนจริง ๆ (ใช้เพื่อแสดงความเสียใจหรือความผิดหวังเมื่อคนที่ควรจะเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ดูแลกลับทำการทรยศหรือทำลายความสามัคคีในครอบครัว)

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนก้างขวางคอ ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. ก้างขวางคอ

ก้างขวางคอ หมายถึง

สำนวน “ก้างขวางคอ” หมายถึง การมีอุปสรรคหรือสิ่งที่ขัดขวางการทำงานหรือการกระทำบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้สะดวกหรือไม่ราบรื่น เหมือนกับก้างปลาที่ติดอยู่ในคอทำให้ไม่สามารถกลืนอาหารได้ง่ายหรือสะดวก โดยมักใช้เพื่อบรรยายถึงคนหรือสิ่งที่ขัดขวางการดำเนินการ หรือทำให้การทำงานของคนอื่นไม่ลื่นไหลหรือเกิดความล่าช้า กล่าวคือ “ผู้ขัดขวางไม่ให้ทำการได้สะดวก, ผู้ขัดขวางให้ผู้อื่นเสียประโยชน์

ที่มาและความหมายก้างขวางคอ

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากการเปรียบเทียบถึงการติดขัดหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำบางสิ่งบางอย่าง เหมือนกับก้างปลาที่ติดคอทำให้ไม่สามารถกลืนอาหารได้สะดวก ซึ่งเป็นความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นขณะพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ

ในบริบทของสำนวนนี้ “ก้าง” จึงหมายถึงสิ่งที่ขัดขวางหรือเป็นอุปสรรค ในกรณีที่มีคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาขัดแย้งหรือทำให้กระบวนการทำงานไม่ราบรื่น หรือทำให้ผู้อื่นไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้สะดวกตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้เกิดความล่าช้าหรือเสียเวลาไปโดยไม่จำเป็น

เหตุผลที่ต้องใช้ก้างขวางคอในการเปรียบเทียบ เพราะมันเป็นภาพที่คุ้นเคยและสามารถทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจถึงความรู้สึกอึดอัดได้ทันทีจากประสบการณ์ทั่วไปในการกินอาหาร ที่มีบางสิ่งขวางคอไม่ให้ทำการได้ตามปกติ

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • พอเริ่มทำงานได้แค่ครึ่งทาง พี่สมบัติกลับมาติดภารกิจด่วนทำให้โครงการที่เราจะเสร็จในวันนี้ต้องเลื่อนออกไปอีกวัน คงจะเหมือนก้างขวางคอทำให้การทำงานไม่สะดวก (การมีอุปสรรคที่ทำให้การทำงานล่าช้าหรือไม่ราบรื่น)
  • ทีมงานเราเต็มที่มากในการประชุม แต่พอถึงขั้นตอนตัดสินใจ กลับมีบางคนที่ขัดขวางทุกข้อเสนอ ทำให้การตัดสินใจไปต่อยาก เหมือนก้างขวางคอ (บุคคลที่เป็นอุปสรรคในการตัดสินใจ)
  • การที่คู่แข่งออกโปรโมชันราคาต่ำมาแบบนี้ ทำให้เราต้องหยุดคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะไม่ให้มันกลายเป็นก้างขวางคอในการขยายตลาด (อุปสรรคจากคู่แข่งที่ทำให้แผนงานไม่สามารถดำเนินการได้ตามต้องการ)
  • ความไม่เข้าใจกันเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ยังคงเป็นเหมือนก้างขวางคอที่ทำให้เราไม่สามารถพูดคุยกันได้ราบรื่นในวันนี้ (ความไม่เข้าใจกันที่ทำให้การสื่อสารไม่ราบรื่น)
  • น้องโอ๋มีความพยายามมากในการเรียน แต่เวลาผ่านไปกลายเป็นว่าตำราที่ใช้เรียนไม่ตรงกับความต้องการ เป็นก้างขวางคอทำให้การเรียนรู้ของเขามีปัญหา (อุปสรรคจากข้อมูลหรือเครื่องมือที่ไม่เหมาะสมกับการเรียนรู้)

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนกัดหางตัวเอง ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. กัดหางตัวเอง

กัดหางตัวเอง หมายถึง

สำนวน “กัดหางตัวเอง” หมายถึง อาการของคนที่พูดจาวกไปวนมา พูดไม่รู้เรื่อง ขาดความชัดเจนและหาสาระไม่ได้ เหมือนการพูดที่วนเวียนกลับมาจุดเดิมโดยไม่มีเนื้อหาที่ชัดเจน เปรียบเหมือนหมาที่พยายามกัดหางของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาแล้วเดินหมุนวนไปวนมา โดยไม่สามารถหาทางออกหรือทำให้เกิดความกระจ่างใด ๆ สำนวนนี้มักใช้กับคนที่พูดหรืออธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งซ้ำซาก แต่ไม่ได้สร้างความเข้าใจหรือความหมายที่ชัดเจน กล่าวคือ “คนที่พูดวนไปวนมา” นั่นเอง

ที่มาและความหมายกัดหางตัวเอง

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากพฤติกรรมของสุนัขที่บางครั้งกัดหางตัวเอง ซึ่งเกิดจากปัญหาทางระบบประสาท ความเครียด หรือสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่ออารมณ์และความคิดของสุนัข ทำให้มันแสดงพฤติกรรมซ้ำซากและวนเวียน สุนัขอาจไม่รู้ว่ากำลังทำร้ายตัวเองหรือวนอยู่กับสิ่งเดิม ๆ หรือบางครั้งก็คันหางจึงกัดและหมุนวนเป็นวงกลมวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น สำนวนนี้จึงถูกนำมาเปรียบเปรยถึงคนที่พูดจาวกวน ซ้ำไปซ้ำมา และขาดความกระจ่างชัดในสาระ หรือการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีสาระ

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • ในที่ประชุม ทีมงานถามเรื่องแผนการดำเนินงานจากหัวหน้า แต่หัวหน้ากลับพูดวนเวียนไปมา จนพนักงานเริ่มงงและไม่เข้าใจประเด็นที่ชัดเจน เพื่อนร่วมงานจึงกระซิบว่า “วันนี้หัวหน้าพูดเหมือนกัดหางตัวเองพูดวนจนจับใจความไม่ได้” (หมายถึงการอธิบายเรื่องที่ขาดความชัดเจนและทำให้คนฟังสับสน)
  • เมื่อเพื่อนของนิดาถามถึงเหตุผลที่เธออยากลาออกจากงาน นิดาพยายามอธิบายแต่พูดวนไปวนมา ทั้งเรื่องเงินเดือน เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้า จนเพื่อน ๆ งงและไม่แน่ใจว่าเหตุผลหลักคืออะไร เพื่อนคนหนึ่งจึงแซวว่า “นี่เธอกำลังกัดหางตัวเองอยู่หรือเปล่า” (สะท้อนถึงการพูดที่ไม่ชัดเจนและทำให้คนฟังไม่เข้าใจ)
  • ในการอภิปรายหน้าชั้นเรียน นักเรียนคนหนึ่งพูดถึงหัวข้อที่ได้รับมา แต่กลับวกวนอยู่กับเรื่องย่อยและพูดถึงประเด็นซ้ำ ๆ จนเพื่อน ๆ รู้สึกเบื่อและไม่เข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อ ครูจึงแนะนำว่า “อย่าพูดแบบกัดหางตัวเองนะ ให้สรุปและตรงประเด็นกว่านี้” (เป็นการเตือนเรื่องการพูดที่ไม่ชัดเจนและวนเวียน)
  • สมศรีพยายามอธิบายเรื่องการทำงานให้กับทีมใหม่ แต่เธอพูดวนไปมาทำให้ทุกคนงง จนสมชายซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกต้องเข้ามาแทรกและสรุปประเด็นให้ชัดเจนขึ้น เขาจึงบอกกับสมศรีว่า “ลองสรุปให้ตรงประเด็นนะ อย่ากัดหางตัวเอง” (แสดงถึงการพูดที่ไม่กระชับและขาดสาระ)
  • ในการสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครอธิบายประสบการณ์การทำงานของตัวเอง แต่พูดซ้ำไปซ้ำมาในเรื่องเดิม ๆ จนกรรมการเริ่มงงและไม่เข้าใจรายละเอียดที่สำคัญ กรรมการจึงกล่าวว่า “เราต้องการฟังสาระสำคัญนะ อย่าพูดแบบกัดหางตัวเอง” (แนะนำให้พูดตรงประเด็น ไม่พูดซ้ำซาก)

สำนวน, สุภาษิต, คำพังเพย ที่คล้ายกัน

  • เข้ารกเข้าพง หมายถึง: การพูดหรือการกระทำที่ผิดพลาดหรือหลุดจากประเด็น เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจหรือความชำนาญในเรื่องนั้น
  • น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง หมายถึง: การพูดเยิ่นเย้อ พูดมากแต่ไม่มีสาระหรือใจความสำคัญ ทำให้ฟังแล้วจับประเด็นได้ยาก

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT

รู้จักสำนวนกินเกลือกินกะปิ ที่มาและความหมาย

สำนวนหมวดหมู่ ก. กินเกลือกินกะปิ

กินเกลือกินกะปิ หมายถึง

สำนวน “กินเกลือกินกะปิ” หมายถึง คนที่สามารถอดทนและใช้ชีวิตอยู่ได้แม้จะต้องเผชิญกับความลำบากยากแค้น ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอเพียง ไม่บ่นหรือเรียกร้องสิ่งที่เกินความจำเป็น เปรียบเสมือนการกินเพียงเกลือและกะปิ ซึ่งเป็นอาหารพื้นฐานที่หาง่ายและราคาถูก สำนวนนี้สะท้อนถึงความอดทนต่อสภาวะที่ขาดแคลนและความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างสมถะ กล่าวคือ “อดทนต่อความลำบากยากแค้น” นั่นเอง

ที่มาและความหมายกินเกลือกินกะปิ

ที่มาของสำนวนนี้

มาจากวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต โดยเฉพาะกลุ่มคนชนชั้นล่างหรือคนที่มีฐานะยากจน ซึ่งมักใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและประหยัด เนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรหรือทุนทรัพย์ที่จะซื้ออาหารดี ๆ เกลือและกะปิจึงเป็นวัตถุดิบพื้นฐานที่ราคาถูกและหาได้ง่ายในท้องถิ่น คนไทยกลุ่มนี้อาศัยเพียงอาหารพื้นบ้านง่าย ๆ ที่พอมีอยู่ โดยไม่ฟุ่มเฟือยหรือเรียกร้องสิ่งที่เกินจำเป็น สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเปรยถึงคนที่มีความอดทนต่อความลำบาก สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลน และพร้อมยอมรับสิ่งที่มีอยู่อย่างพอเพียง

ตัวอย่างการใช้สำนวนนี้

  • หลังจากบริษัทปิดตัวลง สมศักดิ์และครอบครัวต้องลดรายจ่ายทุกอย่าง และปรับตัวมากินอาหารที่ทำจากวัตถุดิบพื้นฐาน เช่น ปลาร้ากับผักสวนครัว ลูก ๆ จึงถามพ่อว่า “ทำไมเราต้องกินแต่ของง่าย ๆ ทุกวัน” สมศักดิ์ตอบว่า “พ่อขอให้ลูกอดทน เราต้องกินเกลือกินกะปิไปก่อนจนกว่าพ่อจะหางานใหม่ได้” (สะท้อนถึงการปรับตัวเพื่อประหยัดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก)
  • คุณยายสมจิตรที่อาศัยอยู่ในชนบทมีชีวิตที่เรียบง่าย เธอมักบอกลูกหลานเสมอว่า “ถึงเราจะไม่มีอาหารหรู ๆ อย่างคนในเมือง แต่เราก็กินข้าวกับน้ำพริกก็อยู่ได้” ลูกหลานที่ได้ยินจึงเข้าใจว่าการกินเกลือกินกะปิ คือการยอมรับชีวิตที่สมถะและพอเพียงของคุณยาย (แสดงถึงความพอใจในสิ่งที่มีอยู่)
  • เมื่อเจ้านายถามพนักงานใหม่ว่า “ช่วงเริ่มงานอาจยังไม่ได้รับโบนัสหรือตำแหน่งสูง ๆ นะ คุณจะไหวหรือเปล่า” พนักงานตอบว่า “ผมเคยกินเกลือกินกะปิมาก่อน งานนี้สบายมากครับ” แสดงถึงความอดทนและความพร้อมจะใช้ชีวิตเรียบง่ายเพื่อให้ถึงเป้าหมาย (หมายถึงการพร้อมรับความลำบากเพื่ออนาคต)
  • ในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ครอบครัวของน้อยต้องอยู่ในที่พักชั่วคราวและกินอาหารแห้ง น้อยหันไปปลอบพ่อแม่ว่า “เราต้องอดทนอีกนิด กินแบบนี้สักพักก็หายท่วมแล้ว” แสดงถึงการพร้อมใช้ชีวิตที่ไม่สะดวกสบายนักและกินเกลือกินกะปิไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น (บ่งบอกถึงความพร้อมที่จะทนต่อความลำบากชั่วคราว)
  • ระหว่างที่กลุ่มเพื่อนนั่งคุยกันเรื่องการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ หนึ่งในเพื่อนพูดว่า “บางเดือนที่เงินน้อย ผมก็ต้องกินเกลือกินกะปิไปก่อน สิ้นเดือนค่อยหาอะไรกินดี ๆ” เพื่อน ๆ หัวเราะและเข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงการประหยัดและอดทนเมื่อสถานการณ์การเงินไม่ดี (แสดงถึงการปรับตัวตามสถานการณ์ที่ยากลำบาก)

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT