สำนวนไทยหมวดหมู่ ด. ดีดลูกคิดรางแก้ว
ดีดลูกคิดรางแก้ว หมายถึง
สำนวน “ดีดลูกคิดรางแก้ว” หมายถึง การคำนวณผลประโยชน์อย่างละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบ และไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย เปรียบเสมือนพ่อค้าที่ใช้ลูกคิดคำนวณตัวเลขอย่างแม่นยำ แต่เมื่อลูกคิดอยู่บนรางแก้ว ซึ่งเป็นของมีค่าและเปราะบาง ยิ่งต้องใช้อย่างระมัดระวังมากขึ้น แสดงถึงการคิดอย่างรอบคอบ คำนึงถึงทุกแง่มุมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตนเอง กล่าวคือ “การคำนวณอย่างรอบคอบแล้วเห็นแต่ทางได้อย่างเดียว” นั่นเอง

ที่มาของสำนวน
มาจากการเปรียบเทียบกับลูกคิด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่พ่อค้าใช้คำนวณผลกำไรขาดทุน ส่วนรางแก้ว หมายถึงสิ่งที่ทำจากแก้ว อันเป็นของมีค่า เปราะบาง และต้องใช้อย่างระมัดระวัง
รางแก้วในสำนวนนี้เสริมให้เห็นถึงการคิดคำนวณที่ละเอียดรอบคอบมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่การคิดเลขทั่วไป แต่เป็นการพิจารณาทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน ให้มั่นใจว่าไม่มีทางเสียเปรียบแม้แต่น้อย เปรียบเหมือนการใช้งานของที่มีค่าต้องระวังไม่ให้พลาดหรือเสียหาย สำนวนนี้จึงหมายถึงคนที่คำนวณผลประโยชน์ของตัวเองอย่างละเอียดที่สุด ไม่ยอมให้เกิดความเสียหายหรือเสียเปรียบแม้เพียงเล็กน้อย
ตัวอย่างการใช้สำนวน
- เจ้าของร้านคนนี้เวลาจะขายของให้ใคร ต้องคำนวณต้นทุน กำไร และส่วนลดอย่างละเอียด ไม่มีทางให้ตัวเองขาดทุนเลย สมแล้วที่เขาโดนล้อว่าดีดลูกคิดรางแก้ว (เปรียบกับคนที่คำนวณผลประโยชน์ของตัวเองอย่างถี่ถ้วน ไม่ยอมเสียเปรียบ)
- ตอนแรกนึกว่าเขาจะช่วยเหลือกันด้วยใจ แต่พอถึงเวลาต้องลงแรง กลับมานั่งคิดค่าตอบแทนทุกบาททุกสตางค์ อย่างนี้เรียกว่าดีดลูกคิดรางแก้ว คิดแต่กำไรของตัวเองไม่สนใจน้ำใจคนอื่น (ใช้กับคนที่คิดเรื่องผลตอบแทนอย่างละเอียดจนดูเห็นแก่ตัว)
- เวลาจะให้โบนัสพนักงาน เจ้านายจะดีดลูกคิดรางแก้วทุกครั้ง คำนวณกำไรขาดทุนจนแทบไม่มีใครได้โบนัสเต็มจำนวนตามที่หวังไว้ (เปรียบเทียบกับคนที่คำนวณผลได้ผลเสียอย่างรอบคอบจนเข้มงวดเกินไป)
- ก่อนจะช่วยเหลือใคร เขาต้องคำนวณแล้วว่าตัวเองจะได้อะไรตอบแทน ดูเหมือนจะใจดี แต่จริง ๆ แล้วดีดลูกคิดรางแก้วทุกเรื่อง (เปรียบกับคนที่ไม่ทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง)
- แม่ค้าในตลาดเวลาชั่งของให้ลูกค้า ต้องคิดน้ำหนักทุกขีด คิดราคาทุกสตางค์ ไม่ยอมให้ตัวเองขาดทุนแม้แต่น้อย สมแล้วที่เขาว่าเป็นพวกดีดลูกคิดรางแก้ว (ใช้กับคนที่คิดคำนวณผลประโยชน์ของตัวเองอย่างละเอียดที่สุด)