สำนวนตีงูให้หลังหัก

รู้จักสำนวนตีงูให้หลังหัก ที่มาและความหมาย

สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตีงูให้หลังหัก

ตีงูให้หลังหัก หมายถึง

สำนวน “ตีงูให้หลังหัก” หมายถึง การจัดการปัญหาอย่างไม่เด็ดขาด ทำให้ปัญหายังไม่จบสิ้น และอาจย้อนกลับมาทำร้ายภายหลัง เปรียบเสมือนการตีงูไม่ให้ตายสนิท แค่หลังหักแต่มันยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอาจเลื้อยกลับมาฉกเราได้ในภายหลัง เป็นคำเตือนในเชิงว่าหากจะลงมือจัดการอะไร ควรทำให้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นภัยย้อนกลับมา กล่าวคือ “กระทำการสิ่งใดแก่ศัตรูโดยไม่เด็ดขาดจริงจังย่อมจะได้รับผลร้ายในภายหลัง” นั่นเอง

ที่มาและความหมายตีงูให้หลังหัก

ที่มาของสำนวน

มาจากวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี ของสุนทรภู่ ตอนที่พระอภัยมณีจับแม่ทัพอุศเรนได้ในการรบ แต่ด้วยความเห็นแก่บุญคุณเก่า จึงไม่สั่งประหารชีวิตอุศเรน นางวาลีจึงเตือนพระอภัยด้วยบทกลอนว่า

“ประเวณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเอาภายหลัง
จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง แม้เสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย
อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน”

เปรียบเปรยถึงการจัดการศัตรูหรือปัญหาโดยไม่เด็ดขาด ปล่อยไว้เพียงบาดเจ็บหรือลงโทษไม่สุด ทำให้มีโอกาสย้อนกลับมาสร้างความเสียหายภายหลัง

ในกลอนยังอุปมาว่า “จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง แม้เสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย” หมายถึง ศัตรูหากปล่อยให้รอด จะกลับมาแข็งแกร่งและอันตรายกว่าเดิม จึงควร จับให้มั่นคั้นให้ตาย (แต่ปัจจุบันสำนวนนี้หมายถึง จะจับผิดใครต้องมีหลักฐานแน่ชัด)

สำนวนนี้จึงใช้ในเชิงเตือนหรือวิพากษ์คนที่จัดการปัญหาไม่ถึงที่สุด จนสุดท้ายอาจเดือดร้อนกลับมาโดยเปรียบเหมือนตีงูแต่ไม่ให้ตาย มันก็อาจเลื้อยกลับมาฉกได้

พฤติกรรมของงู ซึ่งเป็นสัตว์มีพิษและอันตราย หากต้องการจัดการมัน คนสมัยก่อนมักใช้ไม้ตีให้ตายเพื่อความปลอดภัย แต่หากตีเพียงให้หลังหักโดยไม่ตายสนิท งูยังอาจมีชีวิตอยู่ และด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ มันอาจเลื้อยกลับมาฉกผู้ตีได้

ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • ผู้จัดการเลือกให้อภัยลูกน้องที่ทุจริต โดยไม่ลงโทษให้เด็ดขาด ผ่านไปไม่นาน ลูกน้องคนนั้นก็ทำผิดซ้ำอีกครั้ง คราวนี้หนักกว่าเดิม จนบริษัทเสียหายมากเหมือนตีงูให้หลังหัก (เพราะไม่จัดการอย่างเด็ดขาด จึงกลายเป็นภัยย้อนกลับมา)
  • ตำรวจจับแก๊งค้ายาได้แต่แค่ตักเตือนแล้วปล่อยตัว ไม่นานก็มีข่าวว่าแก๊งเดิมขยายเครือข่ายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คนเลยวิจารณ์ว่าเป็นการตีงูให้หลังหักโดยแท้ (หมายถึงการปล่อยให้ผู้ร้ายลอยนวล จนกลับมาทำผิดซ้ำรุนแรงขึ้น)
  • เธอเลือกจะยอมแฟนที่นอกใจเพราะรักมาก แต่แฟนก็ยังแอบคุยกับคนอื่นอยู่ดี เพื่อนเตือนว่าอย่าใจอ่อนจนเหมือนตีงูให้หลังหัก ระวังจะเจ็บกว่าเดิม (หมายถึงการให้อภัยคนผิดโดยไม่ปรับปรุงหรือจัดการ อาจทำให้ถูกทำร้ายซ้ำ)
  • ฝ่ายตรงข้ามในสนามการเมืองโดนเปิดโปงเรื่องคอร์รัปชัน แต่กลับไม่มีการเอาผิดอย่างจริงจัง หลายคนกังวลว่าจะเป็นแค่ตีงูให้หลังหัก แล้วกลับมาสร้างปัญหาอีกในอนาคต (เปรียบกับการปล่อยศัตรูไว้โดยไม่กำจัด อาจกลับมาเป็นภัยทางการเมืองอีก)
  • บริษัทคู่แข่งเคยใช้วิธีไม่โปร่งใสในการแย่งลูกค้า แต่ผู้บริหารเราก็ไม่ดำเนินการใด ๆ สุดท้ายบริษัทเราถูกแย่งตลาดไปครึ่งหนึ่ง เรียกว่าตีงูให้หลังหัก ไม่จัดการให้เด็ดขาดตั้งแต่ต้น (ใช้เตือนว่าการเพิกเฉยต่อปัญหา อาจนำไปสู่ผลเสียในระยะยาว)

by