คำพังเพยไทยหมวดหมู่ จ. ใจร้อนเป็นไฟ ใจเย็นเป็นน้ำ
ใจร้อนเป็นไฟ ใจเย็นเป็นน้ำ หมายถึง
คำพังเพย “ใจร้อนเป็นไฟ ใจเย็นเป็นน้ำ” หมายถึง ลักษณะของอารมณ์และผลกระทบที่ตามมา คนที่ใจร้อนเปรียบเหมือนไฟ มักหุนหันพลันแล่น โมโหง่าย และอาจตัดสินใจผิดพลาด ส่วนคนที่ใจเย็นเปรียบเหมือนน้ำ สุขุม รอบคอบ สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี และมักแก้ปัญหาได้อย่างมีเหตุผล กล่าวคือ “คนที่ใจร้อนมักหุนหันพลันแล่น ตัดสินใจผิดพลาด และอาจก่อให้เกิดปัญหาเหมือนไฟที่ลุกลามได้ง่าย ในขณะที่คนที่ใจเย็นมักสุขุม รอบคอบ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีเหตุผล เหมือนน้ำที่ช่วยดับไฟและทำให้ทุกอย่างสงบลง” นั่นเอง

ที่มาของคำพังเพย
มาจากการเปรียบเทียบอารมณ์ของมนุษย์กับธรรมชาติของไฟและน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ไฟเป็นพลังงานที่ร้อนแรง เผาผลาญและทำลายสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเหมือนคนที่มีอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่น โมโหง่าย และมักตัดสินใจโดยขาดสติ จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเองและผู้อื่น
ในทางตรงกันข้าม น้ำเป็นธาตุที่สงบนิ่ง เยือกเย็น และสามารถควบคุมหรือดับไฟได้ เปรียบเสมือนคนที่มีความสุขุม รอบคอบ และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี คนใจเย็นมักคิดก่อนพูดหรือทำ ทำให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีเหตุผลและลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
ดังนั้น คำพังเพยนี้จึงเป็นการเตือนให้รู้จักควบคุมอารมณ์และใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ เพราะอารมณ์ที่ร้อนแรงเหมือนไฟ อาจสร้างปัญหาและความขัดแย้งได้ง่าย ในขณะที่ความเยือกเย็นเหมือนน้ำ จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
ตัวอย่างการใช้คำพังเพย
- นักธุรกิจคนหนึ่งรีบตัดสินใจลงทุนโดยไม่ได้วิเคราะห์ความเสี่ยงให้รอบคอบ เพียงเพราะต้องการผลกำไรเร็ว ๆ สุดท้ายธุรกิจล้มเหลว คนรอบข้างพูดกันว่าใจร้อนเป็นไฟ ใจเย็นเป็นน้ำ ถ้าเขาอดทนและคิดให้รอบคอบกว่านี้ คงไม่ขาดทุนหนักขนาดนี้ (แสดงให้เห็นว่าความใจร้อนนำไปสู่ความผิดพลาด)
- สองพี่น้องทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กน้อย พี่ชายโมโหจัด ตะโกนใส่น้องโดยไม่คิด ส่วนน้องกลับเงียบและพยายามอธิบายด้วยเหตุผล แม่จึงพูดขึ้นว่า “ดูสิ คนหนึ่งใจร้อนเป็นไฟ อีกคนใจเย็นเป็นน้ำ ถ้าทั้งคู่เย็นลง คงไม่ต้องทะเลาะกันแบบนี้” (เตือนให้ควบคุมอารมณ์และใช้เหตุผล)
- พนักงานสองคนถูกตำหนิเรื่องงาน คนแรกโกรธจนลาออกทันทีโดยไม่ไตร่ตรอง ส่วนอีกคนรับฟังและนำไปปรับปรุงตัว หัวหน้าพูดกับทีมว่า “คนหนึ่งใจร้อนเป็นไฟ อีกคนใจเย็นเป็นน้ำ ผลลัพธ์จึงแตกต่างกัน” (แสดงให้เห็นว่าอารมณ์มีผลต่อการตัดสินใจ)
- นักเรียนคนหนึ่งโมโหที่ทำข้อสอบไม่ได้ จึงฉีกกระดาษทิ้งและเดินออกจากห้องสอบ ขณะที่เพื่อนอีกคนพยายามทำต่อจนจบ คุณครูพูดขึ้นว่า “ความใจร้อนทำให้พลาดโอกาส ความใจเย็นช่วยให้ผ่านปัญหาไปได้” นี่แหละใจร้อนเป็นไฟ ใจเย็นเป็นน้ำ (แสดงให้เห็นว่าความใจเย็นช่วยให้ผ่านสถานการณ์ยาก ๆ ได้)
- คนขับรถสองคนขับปาดหน้ากันบนถนน คนหนึ่งใจร้อนลงจากรถมาตะโกนด่าทันที ส่วนอีกคนเปิดกระจกขอโทษและขับไปต่อโดยไม่ให้เรื่องบานปลาย คนที่เห็นเหตุการณ์พูดว่า “แค่คนหนึ่งใจเย็นกว่านี้ ก็คงไม่ต้องมีเรื่องทะเลาะกัน นี่แหละใจร้อนเป็นไฟ ใจเย็นเป็นน้ำ” (แสดงให้เห็นว่าความใจเย็นช่วยลดความขัดแย้ง)