สุภาษิตไทยหมวดหมู่ น. น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า หมายถึง
สุภาษิต “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” หมายถึง การพึ่งพาอาศัยกันระหว่างสองฝ่ายที่ต่างก็มีบทบาทสำคัญต่อกัน ไม่มีฝ่ายใดอยู่ได้อย่างสมบูรณ์โดยลำพัง จึงต้องเกื้อกูลกันอย่างสมดุลเพื่อความอยู่รอดและผลประโยชน์ร่วมกัน
เปรียบเสมือนแม่น้ำที่ช่วยให้เรือสามารถลอยและเคลื่อนไปได้ และเรือที่ต้องอาศัยน้ำในการลอยตัว เช่นเดียวกับเสือที่ต้องพึ่งพาป่าในการดำรงชีวิต และป่าที่มีชีวิตชีวาก็เพราะมีสัตว์อย่างเสืออยู่ด้วย เป็นภาพแทนของความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือ “สิ่งทั้งหลายนั้นย่อมต้องพึ่งพาอาศัยกัน เอื้อประโยชน์แก่กัน” นั่นเอง

ที่มาของสุภาษิต
มาจากการสังเกตธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต ที่เปรียบเปรยความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน โดยเห็นว่าทุกสิ่งล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกัน
คำว่า “น้ำพึ่งเรือ” สื่อถึงการที่แม่น้ำช่วยให้เรือสามารถลอยและเคลื่อนไปได้ ส่วน “เรือพึ่งน้ำ” ก็คือเรือเองก็ต้องอาศัยน้ำในการเดินทาง เช่นเดียวกับ “เสือพึ่งป่า” ที่ป่าเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของเสือ และ “ป่าพึ่งเสือ” ในแง่ที่เสือช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศในป่า
สุภาษิตนี้จึงกลายเป็นบทเรียนทางสังคมที่สื่อให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำใจ เกื้อกูล และไม่เห็นแก่ตัว เพื่อให้ทุกฝ่ายดำรงอยู่ได้อย่างสมดุลและยั่งยืน
ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
- ชาวบ้านร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าในการดูแลแหล่งน้ำ เพราะต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า (เปรียบถึงความร่วมมือที่ต่างฝ่ายต่างมีบทบาทสำคัญ)
- บริษัทเอกชนให้ทุนสนับสนุนโรงเรียนในชุมชน ส่วนโรงเรียนก็ผลิตคนคุณภาพกลับสู่สังคม เป็นเรื่องของน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า (เปรียบถึงความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลระหว่างภาคธุรกิจกับการศึกษา)
- เกษตรกรขายพืชผลให้ตลาดชุมชน ส่วนตลาดก็ต้องอาศัยเกษตรกรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า อย่างแท้จริง (เปรียบถึงการพึ่งพาระหว่างผู้ผลิตและผู้จำหน่าย)
- นายจ้างดูแลลูกน้องอย่างดี ส่วนลูกน้องก็ทุ่มเททำงานตอบแทน เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า (เปรียบถึงความสัมพันธ์ในที่ทำงานที่ต่างฝ่ายต่างส่งเสริมกัน)
- รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน และประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐ จึงจะพัฒนาได้จริง น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า (เปรียบถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชนที่ต้องพึ่งพากัน)