รู้จักสุภาษิตขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย ที่มาและความหมาย

สุภาษิตขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย

สุภาษิตหมวดหมู่ ข. ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย

ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย หมายถึง

สุภาษิต “ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย” หมายถึง การไม่ควรไว้วางใจใครง่าย ๆ หากบุคคลนั้นไม่ใช่คนในครอบครัวที่แท้จริง เช่น พ่อ แม่ หรือปู่ย่าตายาย เพราะคนอื่นอาจไม่ได้มีความหวังดีหรือผูกพันกับเราจริง ๆ สอนให้ระมัดระวังและพึ่งพาตนเองเป็นหลัก โดยไม่ฝากความไว้วางใจไว้กับผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ กล่าวคือ “ถ้าไม่ใช่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายของตน ก็ไม่ควรไว้วางใจใคร” นั่นเอง

ที่มาและความหมายขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย

ที่มาของสุภาษิตนี้

มาจากการเปรียบเทียบในวิถีชีวิตและสังคมไทยโบราณ ซึ่งมีความเชื่อและประสบการณ์เกี่ยวกับผู้มีอำนาจ เช่น ขุนนาง หรือสิ่งที่ดูมั่นคงแข็งแรงอย่างหินแง่

ขุนนาง แม้จะมีอำนาจและดูเหมือนจะช่วยเหลือเราได้ในบางครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้มีความผูกพันกับเราเหมือน พ่อแม่ ที่มีหน้าที่ดูแลและปกป้องเราโดยแท้จริง
หินแง่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและแข็งแรง แต่ก็ไม่ได้เป็น ตายาย ที่มีความรักและความเมตตาต่อเรา

สุภาษิตนี้จึงเกิดขึ้นจากการสอนลูกหลานให้ตระหนักว่า ไม่ควรฝากความไว้วางใจหรือความหวังไว้กับผู้ที่ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเรา เพราะอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือความจริงใจอย่างที่เราคาดหวัง เป็นคำเตือนให้ระมัดระวัง และรู้จักพึ่งพาตนเองมากกว่าพึ่งพาผู้อื่น

ตัวอย่างการใช้สุภาษิตนี้

  • สมชายคาดหวังว่าหัวหน้าที่เขาเพิ่งรู้จักจะช่วยให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เมื่อถึงเวลา หัวหน้ากลับเลือกสนับสนุนคนอื่นแทน ทำให้เขารู้สึกเสียใจและบอกตัวเองว่า “ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย” ไม่มีใครที่เราจะพึ่งพาได้จริง ๆ นอกจากตัวเราเอง (การฝากความหวังไว้กับผู้อื่นที่ไม่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด)
  • นิดาตัดสินใจยืมเงินจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจปัญหาของเธอ แต่เพื่อนกลับปฏิเสธและบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยว ทำให้นิดาเรียนรู้ว่า “ขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย” ต้องรู้จักพึ่งพาตัวเองมากกว่า (การหวังพึ่งคนอื่นแล้วผิดหวัง)
  • เมื่อเกิดปัญหาในที่ประชุม เจ้านายของสมปองที่ดูเหมือนจะเข้าข้างเขากลับนิ่งเงียบและไม่สนับสนุน ทำให้สมปองรู้สึกว่าขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย สิ่งที่ดูเหมือนมั่นคงอาจไม่ใช่สิ่งที่ช่วยเราได้ในยามลำบาก (การผิดหวังในผู้มีอำนาจ)
  • หลังจากที่หวังให้เพื่อนบ้านช่วยปกป้องพื้นที่จากการถูกบุกรุก นายคำปันพบว่าเพื่อนบ้านเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว ทำให้เขาต้องจัดการปัญหาเอง และตระหนักว่าขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย คนอื่นอาจไม่ช่วยเหลือเราเหมือนครอบครัวแท้จริง (การหวังพึ่งคนอื่นในเรื่องสำคัญแต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ)
  • เมื่อเกิดความขัดแย้งในหมู่ญาติ หวานหวังว่าผู้ใหญ่บ้านจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ แต่กลับพบว่าผู้ใหญ่บ้านไม่อยากยุ่งเกี่ยวเพราะกลัวเสียประโยชน์ หวานจึงเข้าใจว่าขุนนางใช่พ่อแม่ หินแง่ใช่ตายาย เรื่องของเรา เราต้องแก้เอง อย่าหวังให้คนอื่นมาช่วย (การคาดหวังในผู้อื่นแต่ได้รับความเฉยเมย)

สำนวน, สุภาษิต, คำพังเพย ที่คล้ายกัน

  • ฝนตกอย่าเชื่อดาว หมายถึง: อย่าไว้วางใจใครหรืออะไรจนเกินไป หรืออย่าไว้ใจและเชื่อมั่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป เพราะบางอย่างอาจจะผิดพลาดได้
  • เลือดข้นกว่าน้ำ หมายถึง: เครือญาติย่อมดีกว่าคนนอก ญาติพี่น้องนั้นสำคัญกว่าคนอื่น โดยเราจะสามารถไว้ใจ หรือเชื่อใจญาติพี่น้องได้มากกว่าคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จัก เพราะว่าเราและพี่น้องของเราอย่างน้อยก็มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด
  • อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง หมายถึง: ไม่ควรไว้วางใจใครมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เราเดือดร้อนในภายหลังได้

รู้จักสำนวน, สุภาษิต, อื่น ๆ ได้ที่ goodproverb.com

อ้างอิงความหมายจาก LONGDO DICT