สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ต. ตาดีได้ ตาร้ายเสีย
ตาดีได้ ตาร้ายเสีย หมายถึง
สุภาษิต “ตาดีได้ ตาร้ายเสีย” หมายถึง การตัดสินใจหรือการกระทำในแต่ละจังหวะ หากโชคดีหรือทำได้ถูกต้อง ก็จะได้รับผลดีทันที แต่หากโชคร้ายหรือตัดสินใจพลาด ก็อาจสูญเสียหรือเสียโอกาสไป เปรียบเสมือนการวางเดิมพันพนันในแต่ละตา ที่ผลแพ้ชนะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากตานั้นดวงดี อ่านเกมขาด ก็ได้กำไร แต่หากพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจขาดทุนทันที สุภาษิตนี้จึงสอนว่าในหลายเรื่องของชีวิต ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับจังหวะ ไหวพริบ และโชคในช่วงเวลานั้น กล่าวคือ “ถ้าโชคดีก็ได้ ถ้าโชคร้ายก็เสีย” นั่นเอง

ที่มาของสุภาษิต
สุภาษิตนี้มีที่มาจากวงการพนันและการเล่นเกมพื้นบ้านหรือกีฬาของไทย โดยคำว่า “ตา” หมายถึง รอบการเล่นหรือรอบการเดิมพัน เช่น ตาไพ่ ตาไฮโล ตาลูกเต๋า ซึ่งในแต่ละ “ตา” ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะลงเดิมพันแบบใด
หากตัดสินใจถูกจังหวะหรือมองเกมขาด ก็จะได้ “ตาดีได้” แต่หากอ่านเกมพลาด หรือตัดสินใจผิด ก็จะเสีย “ตาร้ายเสีย” สุภาษิตนี้จึงสะท้อนหลักคิดเรื่องโอกาส จังหวะ และไหวพริบในแต่ละรอบของชีวิตหรือการแข่งขัน ซึ่งกลายมาเป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้ได้ในหลายบริบท นอกเหนือจากการพนัน
ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
- ตอนประมูลที่ดินนั้น ใครจะคิดว่าที่แปลงเล็กจะกลายเป็นทำเลทอง คนที่กล้าตัดสินใจไวเลยได้กำไรงาม คนที่ลังเลเลยพลาดไปเต็ม ๆ นี่แหละตาดีได้ ตาร้ายเสีย (จังหวะเดียวเปลี่ยนผลลัพธ์ทั้งชีวิต)
- ในรอบสัมภาษณ์สุดท้าย บริษัทเลือกจากคำตอบเพียงข้อเดียว ใครตอบดี ก็ได้งานไป ใครพลาด ก็ตกรอบ ทั้งที่ความสามารถใกล้เคียงกันมากตาดีได้ ตาร้ายเสียจริง ๆ (เรื่องเล็ก ๆ แต่ชี้ขาดได้ทันที)
- ตอนเลือกหุ้นลงทุน ปรากฏว่าหุ้นที่ดูไม่น่าสนใจกลับขึ้นแรง ส่วนหุ้นที่คิดว่าจะปังกลับดิ่ง คนที่กล้าเสี่ยงกลับได้ คนระวังเกินเลยเสียโอกาสตาดีได้ ตาร้ายเสีย (ขึ้นอยู่กับการมองให้ขาดในจังหวะสำคัญ)
- น้ำหวานพูดกับเพื่อนว่า “เห็นไหม วันนั้นเราเกือบจะไม่ไปงานแล้วนะ ถ้าไม่ไปก็คงไม่ได้เจอเขา” เพื่อนเลยหัวเราะแล้วพูดว่า “จริงเลย ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ไปไม่ทันนาทีเดียวอาจหมดสิทธิ์จีบ!” (เรื่องของหัวใจก็ต้องใช้จังหวะเหมือนกัน)
- นนท์ถอนหายใจแล้วบอกพี่ชายว่า “แค่เซ็นชื่อช้าไปวันเดียว โอกาสนั้นก็หลุดมือเลย” พี่ชายเลยตอบว่า “แบบนี้แหละตาดีได้ ตาร้ายเสีย เรื่องใหญ่บางทีก็ขึ้นกับเสี้ยววินาที” (บางจังหวะในชีวิตไม่มีรอบสอง)