Tag: คำพังเพยไทย ต.

  • รู้จักคำพังเพยตักบาตรอย่าถามพระ ที่มาและความหมาย

    รู้จักคำพังเพยตักบาตรอย่าถามพระ ที่มาและความหมาย

    คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ต. ตักบาตรอย่าถามพระ ตักบาตรอย่าถามพระ หมายถึง คำพังเพย “ตักบาตรอย่าถามพระ” หมายถึง การจะให้อะไรกับผู้ที่เต็มใจรับอยู่แล้ว ไม่ควรตั้งคำถามหรือลังเลให้มากความ เพราะผู้รับไม่ได้ปฏิเสธ และพร้อมจะรับสิ่งนั้นด้วยความเต็มใจอยู่แล้ว เปรียบเสมือนเวลาใส่บาตรพระ ซึ่งเป็นกิจของสงฆ์ที่เปิดรับโดยไม่เรียกร้อง ผู้ให้อย่างเราควรให้ด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่มัวถามว่าท่านอยากได้ไหม จะเอาหรือเปล่า เพราะนอกจากจะเสียเวลา ยังแสดงถึงความไม่แน่ใจในเจตนาดีของตนเองด้วย กล่าวคือ “การจะให้อะไรแก่ผู้ที่เต็มใจรับอยู่แล้ว ไม่ควรถาม” นั่นเอง ที่มาของคำพังเพย คำพังเพยนี้มีที่มาจากประเพณีการตักบาตรของชาวพุทธในสังคมไทย ซึ่งเป็นการทำบุญโดยการนำอาหารหรือของใช้ใส่บาตรถวายพระสงฆ์ในยามเช้า โดยธรรมเนียมแล้ว พระไม่เรียกร้องสิ่งใด และมีหน้าที่รับอย่างสงบโดยไม่เลือกของหรือแสดงความต้องการ การที่ฆราวาสไปตักบาตรแล้วถามว่า “ท่านจะฉันไหม” หรือ “ของนี้ท่านกินหรือเปล่า” จึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและดูไม่เหมาะสม เพราะผู้ให้ควรให้ด้วยศรัทธาและความเต็มใจ ไม่ใช่ต้องการการยืนยันจากผู้รับ จึงเกิดเป็นคำพังเพยนี้เพื่อเปรียบเปรยว่าเมื่อจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้ที่เปิดใจรับอยู่แล้ว ไม่ควรถามหรือลังเลให้มากความ เพียงตั้งใจให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจก็พอ เป็นการสะท้อนแนวคิดเรื่องความตั้งใจในการให้ และการไม่จำเป็นต้องรอการตอบรับในสิ่งที่ควรให้โดยไม่ต้องลังเล ตัวอย่างการใช้คำพังเพย

  • รู้จักคำพังเพยตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน ที่มาและความหมาย

    รู้จักคำพังเพยตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน ที่มาและความหมาย

    คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ต. ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน หมายถึง คำพังเพย “ตีเหล็กเมื่อแดง กินแกงเมื่อร้อน“ หมายถึง การทำสิ่งใดควรทำในจังหวะที่เหมาะสม ขณะที่โอกาสเอื้ออำนวย ไม่ควรรีรอหรือปล่อยให้พลาดจังหวะ เพราะเมื่อพ้นเวลาไปแล้ว อาจไม่สำเร็จหรือได้ผลดีเท่าเดิม เปรียบเสมือนเหล็กต้องตีตอนที่ยังร้อนแดงจึงจะขึ้นรูปได้ง่าย และแกงต้องกินตอนร้อนจึงอร่อย ถ้ารอให้เย็นก็เสียรสชาติหรือใช้การไม่ได้แล้ว กล่าวคือ “คิดจะทำการใดต้องทำให้ถูกจังหวะ เหมาะสมแก่เวลาและโอกาสจะทำให้ได้ผลดี” นั่นเอง ที่มาของคำพังเพย คำพังเพยนี้มีรากฐานมาจากวิถีชีวิตชาวบ้านในอดีตและมาจากการเปรียบเปรยถึงจังหวะเวลากับการตีเหล็กการกินแกง ที่ผูกพันกับงานช่างและการทำอาหาร ซึ่งต่างต้องอาศัย “จังหวะ” ที่เหมาะสมในการลงมือ คำพังเพยนี้จึงใช้เปรียบเปรยว่าการจะทำสิ่งใดให้ได้ผลดี ต้องลงมือในจังหวะที่เหมาะสม หากมัวรีรอหรือปล่อยให้พลาดช่วงเวลาดี ๆ ไป โอกาสก็อาจไม่กลับมาอีก หรือผลลัพธ์จะด้อยลงกว่าที่ควร เป็นแนวคิดเรื่องการใช้โอกาสให้เป็น และกล้าตัดสินใจให้ทันเวลา และเป็นการสอนเรื่องการลงมือให้ถูกเวลา กล้าตัดสินใจ และไม่รีรอเมื่อมีโอกาสดีอยู่ตรงหน้า ตัวอย่างการใช้คำพังเพย

  • รู้จักคำพังเพยไทยตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง ที่มาและความหมาย

    รู้จักคำพังเพยไทยตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง ที่มาและความหมาย

    คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ต. ตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง ตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง หมายถึง คำพังเพย “ตื่นสายให้สร้างสวนมะพร้าว ตื่นเช้าให้สร้างสวนยาง” หมายถึง การเลือกทำงานหรือประกอบอาชีพให้เหมาะกับลักษณะนิสัยและวิถีชีวิตของตนเอง หากรู้ตัวว่าไม่ถนัดแบบใด ก็ควรเลือกทางที่เข้ากับตัวเองมากกว่า เปรียบเสมือนคนที่ตื่นเช้าได้ ควรทำงานที่เริ่มเช้า เช่น กรีดยาง ส่วนคนที่ตื่นสาย ก็ควรเลือกทำสิ่งที่ไม่ต้องรีบในตอนเช้า เช่น ปลูกมะพร้าว ไม่ใช่ฝืนทำในสิ่งที่ขัดกับนิสัยหรือจังหวะชีวิตของตัวเอง เพราะอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร กล่าวคือ “การเลือกทำงานหรือประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับ ลักษณะนิสัยของตนเองหรือปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมกับงาน” นั่นเอง ที่มาของคำพังเพย คำพังเพยนี้มีที่มาจากวิถีชีวิตของเกษตรกรไทยในภาคใต้ ซึ่งนิยมปลูกยางพารา และมะพร้าว เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะการดูแลที่แตกต่างกัน: จากความแตกต่างนี้ จึงเกิดเป็นคำพังเพยเพื่อเปรียบเทียบว่า คนเราควรเลือกทำงานหรือประกอบอาชีพให้เหมาะสมกับนิสัยหรือพฤติกรรมของตนเอง หากฝืนทำสิ่งที่ไม่เข้ากับตน ก็อาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร หรืออาจล้มเหลวได้ในระยะยาว ตัวอย่าง

  • รู้จักคำพังเพยไทยตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ ที่มาและความหมาย

    รู้จักคำพังเพยไทยตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ ที่มาและความหมาย

    คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ต. ตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ ตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ หมายถึง คำพังเพย “ตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ” หมายถึง การให้รักษาความดี ความสะอาด แม้จะอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อยหรือยากจนก็ตาม เพราะความดีงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะ แต่ขึ้นอยู่กับการวางตัวและการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เปรียบเสมือนการเตือนว่าแม้จะยากจน เป็นลูกจ้าง หรืออยู่ในสถานะต่ำกว่าใคร แต่ก็ควรมีความภูมิใจในตนเอง เคารพตนเอง ดูแลตัวเองให้สะอาดและน่ามอง ไม่ให้คนดูถูกหรือรังเกียจเพราะความสกปรกหรือความละเลยของเราเอง กล่าวคือ “สอนให้เราเป็นคนดี ประพฤติในทางที่ดี ถึงมีฐานะที่ยากจน ก็ควรมีความซื่อสัตย์ เเละรักษาความสะอาดด้วย” นั่นเอง คำพังเพยนี้พูดได้เต็ม ๆ อีกอย่างหนึ่งคือ “ตัวเป็นขี้ข้า อย่าให้ผ้าเหม็นสาบ แม้เป็นคนต่ำต้อยแต่ก็ให้เป็นคนดี” ที่มาของคำพังเพย คำพังเพยนี้มาจากวิถีชีวิตของคนไทยโบราณที่มีลำดับชนชั้นชัดเจน โดยเฉพาะระหว่างนายกับบ่าวหรือข้ารับใช้ คนที่เป็น “ขี้ข้า” หรือผู้มีฐานะต่ำต้อยในสังคม มักต้องทำงานหนัก หยาบ และอยู่ภายใต้คำสั่งของผู้อื่น แต่ถึงแม้จะอยู่ในสถานะนั้น คนโบราณก็ยังเชื่อว่า “ความสะอาด ความเรียบร้อย และความภูมิฐานของตนเอง” ยังเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ คำว่า “ผ้าเหม็นสาบ” เป็นคำเปรียบเปรยถึงความสกปรก หรือความละเลยดูแลตัวเอง…

  • รู้จักคำพังเพยตามใจปากลำบากท้อง ที่มาและความหมาย

    รู้จักคำพังเพยตามใจปากลำบากท้อง ที่มาและความหมาย

    คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ต. ตามใจปากลำบากท้อง ตามใจปากลำบากท้อง หมายถึง คำพังเพย “ตามใจปากลำบากท้อง” หมายถึง คนที่เห็นแก่กิน กินตามใจอยากโดยไม่ยั้งคิด มักจะเดือดร้อนภายหลัง เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง หรือเจ็บป่วยจากอาหารที่ไม่เหมาะสม เปรียบเสมือนคนที่ยอมลำบากเพราะความอยากชั่ววูบ สุดท้ายต้องมารับผลของความไม่ระวังในการกิน กล่าวคือ “ผู้ที่เห็นแก่กินมักจะเดือดร้อน” นั่นเอง ที่มาของคำพังเพย คำพังเพยนี้มาจากการสะท้อนพฤติกรรมของคนที่ยอมทำตามความอยาก โดยเฉพาะในเรื่องการกิน โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา คนไทยโบราณสังเกตเห็นว่า หลายครั้งคนเรามักจะ กินของเผ็ด ของมัน ของดิบ หรืออาหารที่รู้ว่าไม่เหมาะกับร่างกาย เพียงเพราะอยากกิน แล้วสุดท้ายก็ต้องมาทนทุกข์กับอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือเจ็บป่วย คำพังเพยนี้จึงใช้สะท้อนให้เห็นว่า “ความอยาก” ที่ไม่ได้ถูกควบคุม อาจกลายเป็น “ความลำบาก” ในภายหลัง โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้จักยั้งคิดหรือประมาณตน ข้อคิดที่แฝงอยู่คือให้รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่ทำตามอารมณ์หรือความอยากชั่วครู่ เพราะผลเสียที่ตามมาอาจไม่คุ้มกับความสุขสั้น ๆ ตรงนั้น ตัวอย่างการใช้คำพังเพย คำพังเพยที่ความหมายคล้ายกัน

  • รู้จักคำพังเพยตามใจปากมากหนี้ ที่มาและความหมาย

    รู้จักคำพังเพยตามใจปากมากหนี้ ที่มาและความหมาย

    คำพังเพยไทยหมวดหมู่ ต. ตามใจปากมากหนี้ ตามใจปากมากหนี้ หมายถึง คำพังเพย “ตามใจปากมากหนี้” หมายถึง การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยตามความอยากกินหรืออยากได้ โดยไม่ยั้งคิดหรือวางแผน ทำให้เกิดหนี้สินตามมาในภายหลัง เปรียบเสมือนคนที่กินหรู เห็นแก่กิน เห็นเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ กินโดยไม่คำนึงถึงอะไรสักอย่าง ใช้จ่ายเกินตัวเพียงเพราะตามใจปาก สุดท้ายต้องเดือดร้อนจากการเป็นหนี้ “ผู้ที่เห็นแก่กินย่อมสิ้นเปลืองมาก” นั่นเอง ที่มาของคำพังเพย มาจากการสะท้อนพฤติกรรมของคนในสังคมที่ใช้ชีวิตตามความอยาก โดยเฉพาะในเรื่องการกินหรือการใช้จ่าย โดยไม่คิดถึงผลกระทบในระยะยาว คนโบราณสังเกตว่า หลายคนกินดีอยู่ดีเกินฐานะของตนเอง เช่น ซื้อของแพง กินของหรูฟุ่มเฟือยทั้งที่ไม่มีรายได้เพียงพอ สุดท้ายต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จ่ายจนเป็นภาระ คำว่า “ตามใจปาก” ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องการกินเท่านั้น แต่รวมถึง การตามใจความอยากของตัวเองในทุกเรื่อง โดยไม่ยับยั้งชั่งใจ ส่วน “มากหนี้” คือผลลัพธ์จากการไม่รู้จักประมาณตน คำพังเพยนี้จึงมักใช้เตือนสติให้ รู้จักอดกลั้นและใช้จ่ายอย่างพอดี ไม่ใช้ชีวิตตามใจเกินไปจนกลายเป็นภาระหนี้สินในอนาคต ตัวอย่างการใช้คำพังเพย คำพังเพยที่ความหมายคล้ายกัน