Tag: สำนวนไทย ช.
-
รู้จักสำนวนชักแม่น้ำทั้งห้า ที่มาและความหมาย
สำนวนไทยหมวดหมู่ ช. ชักแม่น้ำทั้งห้า ชักแม่น้ำทั้งห้า หมายถึง สำนวน “ชักแม่น้ำทั้งห้า” หมายถึง การพูดจาหว่านล้อม ชักจูง หรืออ้างเหตุผลมากมาย เพื่อให้ผู้อื่นคล้อยตามหรือยอมทำตามที่ต้องการ แล้วจึงหันเข้าหาจุดประสงค์ เปรียบดั่งการชักแม่น้ำหลายสายมารวมกันให้ดูยิ่งใหญ่และน่าเชื่อถือ เพื่อให้คำพูดมีน้ำหนักมากขึ้น ขยายความเกินจริง หรือหว่านล้อมจนอีกฝ่ายใจอ่อนและยอมทำตาม แม้บางครั้งอาจไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด แต่ใช้ถ้อยคำที่ฟังดูดีเพื่อโน้มน้าวใจ มักใช้ในกรณีที่มีการอ้างเหตุผลหรือคำพูดสวยหรูจำนวนมากเพื่อโน้มน้าวใจฝ่ายตรงข้าม กล่าวคือ “การพูดจาหว่านล้อมหรืออ้างเหตุผลต่าง ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แล้วจึงหันเข้าหาจุดประสงค์” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากวรรณคดีเรื่องมหาชาติ ซึ่งกล่าวถึงแม่น้ำสายสำคัญห้าสายในอินเดีย ได้แก่ คงคา, ยมุนา, อจิรวดี, สรภู, และมหิ ที่มีน้ำไหลหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตอยู่เสมอ ในตอนที่ชูชก ซึ่งเป็นพราหมณ์จอมเจรจา เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเวสสันดรเพื่อขอพระโอรสและพระธิดา (กัณหา-ชาลี) ไปเป็นทาส ชูชกได้ใช้กลวิธีพูดจาหว่านล้อมอย่างแยบคาย โดยกล่าวสรรเสริญพระเวสสันดรว่าทรงเป็นผู้มีพระทัยกว้างขวาง เปรียบได้กับแม่น้ำทั้งห้า ที่คอยหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งโดยไม่เลือกปฏิบัติ จากเหตุการณ์นี้ จึงเกิดเป็นสำนวนนี้ ซึ่งหมายถึงการพูดจาหว่านล้อมหรืออ้างเหตุผลมากมายเพื่อโน้มน้าวให้ผู้อื่นยอมทำตาม เปรียบดั่งการชักแม่น้ำหลายสายมารวมกันให้ดูยิ่งใหญ่และน่าเชื่อถือ เพื่อให้คำพูดมีน้ำหนักมากขึ้น ตัวอย่างการใช้สำนวน
-
รู้จักสำนวนชักใบให้เรือเสีย ที่มาและความหมาย
สำนวนไทยหมวดหมู่ ช. ชักใบให้เรือเสีย ชักใบให้เรือเสีย หมายถึง สำนวน “ชักใบให้เรือเสีย” หมายถึง การพูดหรือกระทำบางอย่างที่ทำให้เรื่องราวหรือการดำเนินงานผิดทิศทางไปจากเป้าหมายเดิม หรือทำให้สถานการณ์ยุ่งยากและซับซ้อนขึ้นโดยไม่จำเป็น เปรียบเหมือนการชักใบเรือผิดทาง ทำให้เรือแล่นไปในทิศทางที่ไม่ควรจะเป็น กล่าวคือ “การพูดหรือทำอะไรขวาง ๆ ให้การสนทนาหรือการงานเขวออกนอกเรื่องไป” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการชักใบเรือหรือการกลับใบเรือของเรือต่อ ซึ่งเป็นเรือที่แล่นโดยอาศัยกำลังลม โดยมีเสากระโดงขึงผ้าใบเพื่อรับลมและพาให้เรือแล่นไปในทิศทางที่ต้องการ หากกลับใบหรือชักใบเรือไม่ถูกต้อง เรืออาจแล่นผิดทิศทาง หยุดนิ่ง หรือแม้แต่คว่ำลง ทำให้เกิดความเสียหายได้ สำนวนนี้จึงถูกนำมาเปรียบเปรยถึงการกระทำหรือคำพูดที่ทำให้สถานการณ์หรือแผนการที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นต้องสะดุด ผิดทิศทาง หรือยุ่งยากขึ้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ ยังมีโคลงภาษิตโบราณที่จารึกไว้ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งกล่าวถึงพฤติกรรมของผู้ที่ทำให้เรื่องราวเสียหายหรือผิดพลาดจากเป้าหมายเดิมว่า “ชู้เขาจะกอดเข้า พัลวันมาสอดกลางขวางกัน กีดหน้าทานท่านจะให้ปัน กลับชัก เชือนแฮชนชาติตระหนี่บ้า ชักให้เรือเสีย” โคลงนี้สื่อถึงคนที่เข้าไปขัดขวางหรือเปลี่ยนแปลงบางสิ่งจนทำให้เรื่องราวที่ควรจะราบรื่นกลับยุ่งเหยิงและผิดพลาด เช่นเดียวกับการชักใบเรือผิดทาง ทำให้เรือเสียจังหวะและไปผิดทิศ ตัวอย่างการใช้สำนวน