Tag: สำนวนไทย ต.

  • รู้จักสำนวนตกนรกทั้งเป็น ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตกนรกทั้งเป็น ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต ตกนรกทั้งเป็น ตกนรกทั้งเป็น หมายถึง สำนวน “ตกนรกทั้งเป็น” หมายถึง การตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทรมานอย่างหนัก เหมือนต้องเผชิญกับนรกในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เปรียบเสมือนคนที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ ความลำบาก หรือความเจ็บปวดที่สาหัสจนรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในนรก โดยไม่ต้องรอให้ตายไปก่อน มักใช้พูดถึง ผู้ที่ต้องประสบเคราะห์กรรมหนัก ถูกกดขี่ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายจนไร้ทางออก กล่าวคือ “ความทรมาน ทุกข์ยาก หรือลำบากแสนสาหัส เหมือนถูกลงทัณฑ์ในนรกทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธเกี่ยวกับเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ ซึ่งสอนว่า ผู้ที่ทำบาปกรรมหนักจะต้องรับโทษในนรกหลังความตาย โดยเชื่อว่านรกเป็นสถานที่ลงทัณฑ์ของผู้ที่กระทำชั่ว ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานตามผลกรรมของตน อย่างไรก็ตามในบางกรณีผลของกรรมอาจส่งผลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ผู้ที่ทำบาปต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก ทั้งความเจ็บป่วย ความลำบาก หรือความเศร้าโศก จนเปรียบได้ว่า “ต้องชดใช้กรรมเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งที่ยังไม่ตาย” สำนวนนี้จึงใช้พูดถึงคนที่ต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมหนัก ถูกกดขี่ หรือประสบกับความทุกข์ทรมานทางกายและใจ จนเหมือนต้องรับโทษในนรกตั้งแต่ยังมีชีวิต ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนตลาดหน้าคุก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตลาดหน้าคุก ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตลาดหน้าคุก ตลาดหน้าคุก หมายถึง สำนวน “ตลาดหน้าคุก” หมายถึง ตลาดหรือสถานที่ที่ฉวยโอกาสขายสินค้าในราคาสูงกว่าปกติ เพราะผู้ซื้อไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องซื้อ แม้จะรู้ว่าราคาถูกโก่งขึ้นมากก็ตาม เปรียบเสมือนตลาดที่ตั้งอยู่ใกล้เรือนจำ ซึ่งญาติของนักโทษที่มาเยี่ยมต้องซื้อของไปฝากคนในคุก แม้ของจะแพงกว่าปกติ แต่ก็ไม่มีตัวเลือกอื่น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถโก่งราคาได้โดยไม่ต้องกังวล กล่าวคือ “ตลาดที่ถือโอกาสขายโก่งราคาแพงกว่าปรกติและผู้ซื้อจำเป็นต้องซื้อ (มักใช้เป็นคำเปรียบเทียบว่า ของแพงเหมือนกับของตลาดหน้าคุก)” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากพฤติกรรมการค้าขายในอดีตบริเวณหน้าเรือนจำ ซึ่งเป็นจุดที่ญาติของนักโทษต้องมาซื้อของเพื่อฝากให้ผู้ต้องขัง ผู้ขายจึงถือโอกาสขึ้นราคาสินค้าแพงกว่าปกติ เพราะรู้ว่าผู้ซื้อไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องซื้อ ในอดีต คุกมักถูกสร้างไว้ห่างไกลจากย่านชุมชน ทำให้มีร้านค้าอยู่น้อย เนื่องจากไม่มีผู้คนมาจับจ่ายซื้อขายมากนัก ราคาสินค้าจึงสูงกว่าปกติ เพราะร้านค้าเหล่านี้ขายให้เฉพาะ นักโทษและญาติที่มาเยี่ยม ซึ่งไม่มีทางเลือกอื่น ร้านค้าหน้าคุกสามารถโก่งราคาได้ เนื่องจากญาติของนักโทษไม่สามารถออกไปซื้อของจากที่อื่นได้ เพราะตลาดอื่นอยู่ไกลจากคุกมาก สถานการณ์นี้ทำให้เกิดการเปรียบเปรยว่า “ตลาดหน้าคุก” เป็นสถานที่ที่ขายสินค้าในราคาสูงเกินจริง เช่น ร้านค้าในสนามบิน ร้านขายของในแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานการณ์ที่เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า โดยอาศัยความจำเป็นของผู้ซื้อ จนกลายเป็นคำพูดติดปากเมื่อพบว่าร้านค้าใดขายสินค้าแพงเกินควร ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนตลบนกบนเวหา ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตลบนกบนเวหา ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตลบนกบนเวหา ตลบนกบนเวหา หมายถึง สำนวน “ตลบนกบนเวหา” หมายถึง การพูดจาหลอกลวง พลิกแพลงให้ผู้อื่นหลงเชื่อ เพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว หรือการแสร้งทำดีตีสนิท แล้วหักหลังในภายหลัง เปรียบเสมือนนักล่าที่ใช้กลอุบายล่อให้นกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าตกลงมา โดยที่นกไม่ทันระวังตัว สำนวนนี้มักใช้กับคนที่มีเล่ห์เหลี่ยม ชอบใช้วาจาแสร้งทำเป็นมิตรเพื่อให้ได้ประโยชน์จากอีกฝ่าย ก่อนจะแสดงธาตุแท้และทรยศในที่สุด กล่าวคือ “การแกล้งตีสนิทแล้วหักหลัง” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากวรรณกรรมสามก๊ก ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่สุมาอี้ (司马懿) ใช้เล่ห์เหลี่ยมแสร้งทำเป็นภักดีต่อโจโฉและราชวงศ์วุยมาโดยตลอด ทำให้ตระกูลโจวางใจเปรียบเสมือนนกที่บินสูงขึ้นไปตามความไว้วางใจของผู้มีอำนาจ แต่เมื่อสุมาอี้เห็นโอกาสเหมาะ จึงตลบหลังยึดอำนาจจากตระกูลโจ หักหลังโจซอง (曹爽) และกวาดล้างศัตรูทางการเมือง ทำให้ราชวงศ์วุยตกอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลสุมาตั้งแต่นั้นมา เปรียบเสมือนนกที่ถูกล่อให้บินสูงขึ้น ก่อนจะถูกตลบหลังจนร่วงหล่นอย่างหมดหนทาง สำนวนนี้จึงเปรียบเปรยถึงความไว้เนื้อเชื่อใจดุจนกที่บินสูงขึ้นฟ้า ยิ่งนกบินสูงเท่าใด ก็หมายถึงความไว้วางใจที่มีให้มากเท่านั้น แต่เมื่อถูกหักหลัง ก็เหมือน ปีกถูกตัด ขาดที่พึ่ง และร่วงโรยลงมาอย่างหมดหนทาง สำนวนนี้จึงใช้เปรียบเทียบถึง คนที่แสร้งทำดี ตีสนิท พูดจาหว่านล้อม จนอีกฝ่ายเชื่อใจ ก่อนจะหักหลังหรือหาประโยชน์ใส่ตัวในท้ายที่สุด คล้ายกับการหลอกล่อนกให้บินสูงขึ้นไป ก่อนจะ “ตลบหลัง” ทำให้นกร่วงหล่นลงมาโดยไม่มีทางหนีรอดได้ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนตกเป็นเบี้ยล่าง ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตกเป็นเบี้ยล่าง ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตกเป็นเบี้ยล่าง ตกเป็นเบี้ยล่าง หมายถึง สำนวน “ตกเป็นเบี้ยล่าง” หมายถึง ตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ ต้องยอมอยู่ใต้คำสั่งหรืออำนาจของผู้อื่น โดยไม่สามารถต่อสู้หรือโต้แย้งได้ เปรียบเสมือนเบี้ยในกระดานหมากรุกที่มีอำนาจน้อย เคลื่อนที่ได้จำกัด และมักถูกควบคุมโดยฝ่ายที่เหนือกว่า สำนวนนี้ใช้พูดถึง คนหรือกลุ่มที่ต้องยอมจำนนต่อฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่า หรืออยู่ในฐานะที่ไม่สามารถต่อรองได้ กล่าวคือ “การเปลี่ยนฐานะกลายเป็นผู้เสียเปรียบ, กลายเป็นรองเขา” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากเกมหมากรุกไทยและหมากรุกสากล ซึ่ง “เบี้ย” เป็นตัวเดินที่มีอำนาจน้อยที่สุด เคลื่อนที่จำกัด และมักถูกควบคุมหรือเสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ แต่ในสำนวนนี้มาจากหมากรุกไทย โดยในการเล่นหมากรุก ตัวเบี้ยตามปกติจะวางคว่ำ และสามารถเดินหน้าได้เพียงครั้งละหนึ่งตาเท่านั้น แต่เมื่อเดินเข้าสู่ฝั่งคู่ต่อสู้ ซึ่งเรียกว่าด้านบนของกระดานผู้เล่นจะหงายตัวเบี้ย หรือที่เรียกว่า “เบี้ยบน” หรือ “เบี้ยหงาย” ทำให้สามารถเดินหน้าหรือถอยหลังในแนวทแยงได้ มีสถานะเทียบเท่ากับ “เม็ด” ซึ่งเป็นหมากที่มีความได้เปรียบมากขึ้น ในทางกลับกัน “เบี้ยล่าง” หมายถึง เบี้ยที่ยังคงคว่ำอยู่และสามารถเดินได้เพียงทีละหนึ่งตาเท่านั้น ทำให้ตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ เพราะยังไม่มีอิสระในการเคลื่อนไหวมากพอ สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเปรยถึงผู้ที่อยู่ในสถานะด้อยกว่า ต้องจำยอมและถูกควบคุมโดยผู้ที่อยู่ในสถานะที่เหนือกว่า ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนตกล่องปล่องชิ้น ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตกล่องปล่องชิ้น ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตกล่องปล่องชิ้น ตกล่องปล่องชิ้น หมายถึง สำนวน “ตกล่องปล่องชิ้น” หมายถึง การตกลงปลงใจแต่งงานกัน หรือการได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นคู่สามีภรรยา เปรียบเสมือนสิ่งที่ถูกบรรจุลงในภาชนะอย่างลงตัว ไม่สามารถแยกจากกันได้อีก สำนวนนี้มักใช้ในเชิงบวก เมื่อพูดถึงคู่รักที่แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ หรือคนสองคนที่ตกลงใจใช้ชีวิตร่วมกัน กล่าวคือ “การตัดสินใจที่จะร่วมมือหรือร่วมชีวิตด้วย หรือได้ตกลงปลงใจแต่งงานหรือคบหาเป็นคู่รัก” นั่นเอง ที่มาของสำนวน เป็นสำนวนโบราณที่มาจากลักษณะของสิ่งที่ตกลงไปในปล่องหรือภาชนะ ซึ่งเมื่อหล่นลงไปแล้ว ก็ต้องไหลไปตามทางที่กำหนด ไม่สามารถฝืนหรือย้อนกลับได้ ในอดีต “ล่อง” หมายถึง การไหลไปตามน้ำ หรือการดำเนินไปตามสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ ส่วน “ปล่องชิ้น” สื่อถึง สิ่งที่เข้ากันได้พอดี ลงตัว เหมาะสมกันโดยธรรมชาติ ดังนั้น “ตกล่องปล่องชิ้น” จึงถูกใช้เปรียบเปรยถึง คู่รักที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องตกลงปลงใจแต่งงานกัน หรือดำเนินชีวิตคู่ตามวิถีที่ควรเป็น แม้จะไม่ได้เร่งรัด แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องเป็นไปตามนั้น คล้ายกับสิ่งที่หล่นลงไปในปล่องแล้ว ไม่สามารถฝืนไหลย้อนกลับได้ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนตกม้าตาย ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตกม้าตาย ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตกม้าตาย, สามเพลงตกม้าตาย ตกม้าตาย หมายถึง สำนวน “ตกม้าตาย, สามเพลงตกม้าตาย” หมายถึง การพ่ายแพ้หรือล้มเหลว เสียเชิงในช่วงสุดท้าย ทั้งที่ทำมาดีตลอด แต่กลับพลาดหรือเสียท่าในจังหวะสำคัญ เปรียบเสมือนนักรบที่ขี่ม้าเข้าสู่สนามรบอย่างมั่นใจ แต่กลับพลัดตกจากม้าในช่วงสำคัญ ทำให้เสียเปรียบและพ่ายแพ้ในที่สุด สำนวนนี้มักใช้ในกรณีที่คนกำลังจะสำเร็จหรือได้เปรียบ แต่กลับพลาดอย่างไม่น่าเกิดขึ้น ทำให้เสียเชิงและล้มเหลวในท้ายที่สุด กล่าวคือ “การแพ้, เสียเชิง” นั่นเอง และมักใช้ต่อว่า “สามเพลงตกม้าตาย” หมายถึง “พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว” ที่มาของสำนวน มาจากเหตุการณ์ในวรรณกรรมสามก๊ก ซึ่งกล่าวถึงโจผี (曹丕) บุตรชายของโจโฉ ที่ต้องเผชิญหน้ากับขุนศึกฝีมือดีในการรบ ในศึกสำคัญครั้งหนึ่งโจผีสามารถต่อสู้ได้ดีและยืนหยัดได้นานถึงสามเพลงกระบวนท่า แต่สุดท้ายกลับพลาดท่าถูกแทงตกจากม้าพ่ายแพ้และเสียชีวิตในจังหวะที่ไม่น่าพลาด และเหตุการณ์ “สามเพลงตกม้าตาย” นั้นยังปรากฏในกรณีของแฮหัวเอี๋ยน (夏侯淵) แม่ทัพใหญ่แห่งวุยก๊ก ที่ต้องต่อสู้กับฮองตง (黃忠) ขุนพลเฒ่าของจ๊กก๊ก ในศึกที่เขาผิดพลาดเพียงไม่นาน แต่กลับถูกฟันตกม้าจนเสียชีวิตในสนามรบอย่างรวดเร็วเพียง 3 กระบวนท่า สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเปรยถึงคนที่ทำบางสิ่งมาดีตลอด แต่กลับพลาดในจุดสำคัญ ทำให้ล้มเหลวหรือเสียเชิงในช่วงสุดท้าย เหมือนกับแม่ทัพที่แม้จะเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับพลาดเพียงครั้งเดียวจนต้องจบชีวิตลง ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนตกกระไดพลอยโจน ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนตกกระไดพลอยโจน ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ต. ตกกระไดพลอยโจน ตกกระไดพลอยโจน หมายถึง สำนวน “ตกกระไดพลอยโจน” หมายถึง การที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องยอมรับไปด้วย แม้ไม่ตั้งใจ เมื่อเผชิญสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือถูกบีบบังคับให้ต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จึงจำเป็นต้องยอมรับและดำเนินไปตามสถานการณ์นั้น แม้จะไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรกก็ตาม เปรียบเสมือนคนที่พลัดตกกระไดลงไปแล้ว จำเป็นต้องพลอยกระโจนลงไปต่อ เพราะไม่สามารถหยุดกลางทางหรือย้อนกลับขึ้นไปได้ สำนวนนี้มักใช้ในกรณีที่คนต้องจำใจทำบางอย่างเพราะถูกสถานการณ์บังคับ ไม่ใช่เพราะตั้งใจทำเองแต่แรก กล่าวคือ “การที่จำเป็นที่จะต้องยอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีทางเลี่ยง” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเปรยกับคนที่พลัดตกบันได (กระได) แล้วต้องกระโดดต่อไปโดยไม่สามารถหยุดหรือย้อนกลับได้ ดังนั้นจึงกระโจนตามไปดีกว่าที่จะฝืนล้มแล้วจะเจ็บหนักกว่า ในอดีต “กระได” หมายถึง บันไดของบ้านเรือนไทยที่มักสูงและชัน หากมีใครพลาดตกลงไปแล้ว การหยุดกลางทางหรือพยายามปีนกลับขึ้นไปทันทีอาจเป็นไปได้ยาก ดังนั้น เมื่อ “ตกกระได” แล้ว จึงต้อง “พลอยโจน” หรือกระโดดตามไปโดยไม่มีทางเลือก สำนวนนี้จึงถูกใช้เปรียบเปรยถึงสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็จำเป็นต้องดำเนินไปตามสถานการณ์นั้น แม้จะไม่ได้ตั้งใจไว้แต่แรกก็ตาม เช่น การถูกบีบบังคับให้ทำบางอย่าง หรือจำเป็นต้องร่วมมือในสิ่งที่ไม่ได้อยากทำแต่แรกเพราะไม่มีทางเลือก ตัวอย่างการใช้สำนวน