Tag: สำนวนไทย น.

  • รู้จักสำนวนน้ำลดตอผุด ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำลดตอผุด ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำลดตอผุด น้ำลดตอผุด หมายถึง สำนวน “น้ำลดตอผุด” หมายถึง เมื่อคนที่เคยมีอำนาจหรือวาสนาลดลงไป สิ่งที่เคยซ่อนอยู่ เช่น ความชั่วหรือความผิดพลาดที่เคยทำ ก็จะเริ่มปรากฏออกมา เปรียบเสมือนเมื่อน้ำลดลง ตอไม้ที่เคยซ่อนอยู่ใต้น้ำจะโผล่ขึ้นมาให้เห็น สื่อถึงการที่คนที่เคยมีอำนาจหรือความนิยม เมื่อพ้นจากอำนาจแล้ว ความชั่วหรือความผิดที่เคยทำจะถูกเปิดเผยออกมา กล่าวคือ “เมื่อสิ้นอำนาจวาสนา ความชั่วที่เคยทำไว้ก็ปรากฏ” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากน้ำขึ้นน้ำลงตามธรรมชาติ เมื่อระดับน้ำลดลงสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ เสาหรือหลักที่ปักไว้และเหลืออยู่แต่โคนเมื่อส่วนบนหักหรือผุกร่อนไป ตอที่อยู่ในน้ำนั้นเมื่อน้ำขึ้นเราจะมองไม่เห็นเพราะน้ำท่วมมิด ต่อเมื่อน้ำลดลงก็จะมองเห็นตอโผล่ขึ้นมา ขณะที่คนมีอำนาจเปรียบเหมือนช่วงเวลาที่น้ำขึ้น ความชั่วร้ายที่เปรียบเหมือนตอยังไม่มีใครเห็นเพราะอำนาจที่เปรียบเหมือนน้ำท่วมปิดบังไว้ แต่ถึงคราวหมดอำนาจซึ่งเปรียบเหมือนยามน้ำลง ความชั่วเหล่านั้นก็ปรากฏให้เห็น สำนวนนี้ยังเกี่ยวกีบคติพุทธเกี่ยวกับการขึ้นลงของชีวิต ชีวิตของมนุษย์ที่มีช่วงเวลาที่ขึ้นสูงและตกต่ำ ก็สะท้อนให้เห็นถึงการที่มนุษย์ต้องเผชิญกับสภาวะทั้งดีและร้าย ความสุขและความทุกข์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ช่วงเวลาที่สูงส่งหรือมีอำนาจก็อาจมีการลดลงได้เช่นเดียวกับน้ำที่มีขึ้นและลงอย่างธรรมชาติ ดังนั้น สำนวนนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงการที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต สิ่งที่เคยถูกซ่อนไว้ก็จะปรากฏออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนน้ำนิ่งไหลลึก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำนิ่งไหลลึก ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำนิ่งไหลลึก น้ำนิ่งไหลลึก หมายถึง สำนวน “น้ำนิ่งไหลลึก” หมายถึง คนที่ดูเงียบสงบและไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรือความคิดออกมา แต่จริง ๆ แล้วมีความลึกซึ้งหรือความสามารถมากมายซ่อนอยู่ในตัว เปรียบเสมือนสายน้ำที่ดูเหมือนจะนิ่งและสงบ แต่ในความเป็นจริงภายใต้น้ำที่นิ่งสงบนั้นมันมีความลึกคลื่น น้ำวนและไหลไปอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ “คนที่หงิม ๆ ไม่ค่อยพูดจา มักจะมีความคิดลึกซึ้ง” นั่นเอง ที่มาของสำนวน สำนวนนี้มาจากการสังเกตลักษณะของสายน้ำที่ดูเงียบสงบและไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ในความเป็นจริงน้ำที่ดูนิ่งนี้กลับมีความลึกและมีการไหลไปอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความสงบเหล่านั้นอาจซ่อนคลื่นหรือกระแสน้ำวนที่มีพลัง ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่มีการเคลื่อนไหวหรือพลังที่แฝงอยู่ลึกลงไป สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับบุคคลที่ดูภายนอกอาจจะนิ่งและไม่แสดงอารมณ์หรือความคิดออกมา แต่ในความจริงเขามีความลึกซึ้งทางความคิด หรือมีความสามารถที่ซ่อนอยู่ภายใน หรือคนที่มีท่าทางเฉย ๆ ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น แต่ภายในแล้วเป็นคนช่างคิด มีความคิดดี ๆ อยู่เสมอ ฉลาด และเมื่อแสดงความคิดเห็นออกมาครั้งใดก็มักจะเป็นที่ฮือฮาเสมอ ราวกับกระแสน้ำที่ไหลไปอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีใครเห็น แต่ยังคงมีพลังที่แท้จริงอยู่เบื้องหลัง การไม่แสดงออกภายนอกในบางครั้งอาจเป็นวิธีการของคนที่รู้จักการควบคุมตัวเอง หรือมีพลังในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการเผยแพร่ออกมาให้เห็นทันที ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนเนื้อเข้าปากเสือ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนเนื้อเข้าปากเสือ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. เนื้อเข้าปากเสือ เนื้อเข้าปากเสือ หมายถึง สำนวน “เนื้อเข้าปากเสือ” หมายถึง สิ่งที่เมื่อได้ตกอยู่ในมือของคนที่มีอำนาจ หรือมีความอันตรายมากกว่าตนเอง เช่น ผู้ที่มีปัญญาฉลาดกว่า หรือมีอำนาจเหนือกว่า ยากที่จะได้กลับคืนมาหรือพ้นจากอันตรายได้ เปรียบเสมือนการที่เนื้อเข้าไปในปากเสือ ซึ่งหมายถึงการตกเป็นเหยื่อของคนที่มีพลังหรืออำนาจที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงหรือหลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายได้ กล่าวคือ “การที่สิ่งมีค่าหรือเงินทองที่ไปอยู่ในมือของผู้อื่นที่มีความอันตรายหรือคนที่ฉลาดแล้ว ยากที่จะได้กลับคืน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเทียบถึงสถานการณ์ที่บุคคลหรือสิ่งของได้ตกไปอยู่ในมือของคนที่มีอำนาจหรืออันตรายเกินกว่าตัวเอง ซึ่งคล้ายกับการที่เนื้อได้ตกเข้าไปในปากของเสือ เมื่อมันเข้าไปแล้ว ก็ยากที่จะหลีกหนีหรือกลับคืนมาได้ การเปรียบเทียบนี้ใช้บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ หรือมีความเสี่ยงสูง ที่จะไม่สามารถหลุดพ้นหรือเอาออกจากสถานการณ์นั้นได้ สำนวนนี้ใช้บอกถึงการที่บางสิ่งบางอย่างตกไปอยู่ในมือของผู้ที่มีความเหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ หรือความสามารถ เล่ห์เหลี่ยม เมื่อหลงเข้าไปแล้ว ก็ยากที่จะกลับมาได้หรือต่อสู้กลับได้ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนเนื้อถ้อยกระทงความ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนเนื้อถ้อยกระทงความ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. เนื้อถ้อยกระทงความ เนื้อถ้อยกระทงความ หมายถึง สำนวน “เนื้อถ้อยกระทงความ” หมายถึง การพูดหรือเขียนที่มีเนื้อหาสำคัญและเข้าใจได้ชัดเจน มีการสื่อสารที่มีความหมายลึกซึ้ง เปรียบเสมือนการใช้ถ้อยคำที่มีเนื้อหาหรือสาระสำคัญ ซึ่งสื่อความหมายได้ตรงประเด็นและเข้าใจได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ “ถ้อยคำที่ได้เรื่องได้ราวเข้าใจได้ชัดเจน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเทียบการใช้ถ้อยคำที่มีเนื้อหาหรือสาระสำคัญ โดยคำว่า “เนื้อถ้อย” หมายถึงคำพูดที่มีความหมายชัดเจน ส่วน “กระทงความ” หมายถึง การถ่ายทอดความหมายหรือสาระสำคัญออกมาอย่างถูกต้องและตรงประเด็น สละสลวย โดยกระทงในที่นี้หมายถึงภาชนะที่ใช้ใส่สิ่งต่าง ๆ เช่นเดียวกับการที่คำพูดหรือสำนวนถูกนำมาจัดระเบียบให้มีความหมายชัดเจน ไม่มีการพูดเกินความจำเป็น สำนวนนี้จึงหมายถึงการใช้ถ้อยคำที่มีความหมายชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายอย่างสละสลวย พร้อมทั้งเสียงที่ไพเราะและเหมาะสม ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนเนื้อเต่ายำเต่า ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนเนื้อเต่ายำเต่า ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. เนื้อเต่ายำเต่า เนื้อเต่ายำเต่า หมายถึง สำนวน “เนื้อเต่ายำเต่า” หมายถึง การนำสิ่งที่ได้ผลประโยชน์หรือกำไรจากการลงทุนกลับไปใช้ต่อโดยไม่ต้องใช้ทุนเดิม เช่น การนำผลตอบแทนจากการลงทุนไปใช้เพิ่มผลตอบแทนในระยะต่อไป, เอาเงินส่วนที่เป็นกำไรไปลงทุนค้าขายต่อ โดยไม่ใช้ทุนเดิม เปรียบเสมือนการนำเนื้อเต่าที่เหลือจากการทำอาหารมาทำยำเพิ่ม เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าของอาหารโดยไม่ต้องใช้วัตถุดิบใหม่หรือทุนเดิมเพิ่มเติม กล่าวคือ “การนำเอาทรัพย์สินส่วนที่เป็นกำไรหรือดอกเบี้ยกลับไปลงทุนต่อไปอีกโดยไม่ต้องใช้ทุนเดิม” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากอาหารที่ทำจากเนื้อเต่า ซึ่งในปกติแล้วเมื่อใช้เนื้อเต่าทำอาหารจะนิยมทำเป็นแกงป่า หรือผัดเผ็ดที่ใส่เครื่องเทศมาก ๆ หรือใส่หน่อไม้ดองเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่ในกรณีที่ใช้เต่าตัวใหญ่ เมื่อทำแกงหรือผัดแล้วก็ยังมีเนื้อเหลืออยู่ นักดื่มที่ชอบอาหารรสจัดและหลากหลายจึงนำเนื้อเต่าที่เหลือมาทำยำเพิ่ม เพื่อให้ได้รสชาติที่หลากหลายและอร่อยยิ่งขึ้น สำนวนนี้จึงใช้เปรียบเสมือนการนำสิ่งที่เหลืออยู่ไปใช้ประโยชน์อีกครั้ง โดยไม่ต้องใช้ทุนเดิม และสร้างประโยชน์ใหม่จากสิ่งที่มีอยู่แล้ว. ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนนับสิบไม่ถ้วน ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนนับสิบไม่ถ้วน ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. นับสิบไม่ถ้วน นับสิบไม่ถ้วน หมายถึง สำนวน “นับสิบไม่ถ้วน” หมายถึง การหลงหรือเลอะเลือนจนไม่สามารถนับหรือทำอะไรได้ถูกต้อง แม้แต่เรื่องง่าย ๆ ก็ยังทำผิดพลาด เปรียบเสมือนการนับเลขง่าย ๆ อย่างเช่น จากหนึ่งถึงสิบ แต่กลับนับไม่ครบหรือลืมบางส่วน “คนที่มีลักษณะขี้หลงขี้ลืม ทำอะไรไม่ถูกงวยงง เลอะเลือน ทำอะไรผิด ๆ ถูก ๆ” นั่นเอง ที่มาของสำนวน สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับการนับเลขง่าย ๆ จาก 1 ถึง 10 ซึ่งเป็นเรื่องง่ายและปกติ แต่เมื่อจิตใจสับสน หลงลืม หรือเลอะเลือน ก็ทำให้ไม่สามารถนับได้ครบหรือไม่สามารถทำสิ่งง่าย ๆ ได้ตามปกติ สำนวนนี้ใช้เพื่อบอกถึงสภาพของคนที่มีอาการหลง, งง หรือทำอะไรไม่ถูก เพราะความคิดไม่เป็นระเบียบหรือขาดสมาธิ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำหนึ่งใจเดียวกัน น้ำหนึ่งใจเดียวกัน หมายถึง สำนวน “น้ำหนึ่งใจเดียวกัน” หมายถึง การที่คนกลุ่มหนึ่งมีความร่วมมือหรือมุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีความขัดแย้งหรือความแตกแยก มีจิตใจและความคิดที่ตรงกันเปรียบเสมือนแม่น้ำหลายสายที่ไหลมาบรรจบกันเป็นสายเดียว สื่อถึงความสามัคคีและความกลมเกลียวในกลุ่มคนที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน กล่าวคือ “การมีความคิดเห็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเทียบความสามัคคีของคนในกลุ่มกับแม่น้ำหลายสายที่ไหลมาบรรจบกันเป็นสายเดียว แม้ต้นน้ำจะแตกต่าง แต่เมื่อไหลรวมกันแล้วก็กลายเป็นแม่น้ำสายเดียวที่มีพลังและทิศทางชัดเจน จึงใช้สื่อถึงกลุ่มคนที่มีใจเดียวกัน มีความตั้งใจและเป้าหมายร่วมกันอย่างแน่วแน่ ทำงานร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งและกลมเกลียวเพื่อความสำเร็จร่วมกัน ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนน้ำผึ้งหยดเดียว ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำผึ้งหยดเดียว ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำผึ้งหยดเดียว น้ำผึ้งหยดเดียว หมายถึง สำนวน “น้ำผึ้งหยดเดียว” หมายถึง เรื่องราวหรือปัญหาที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อยหรือเหตุการณ์เล็ก ๆ แต่กลับขยายลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตหรือมีผลกระทบรุนแรง เปรียบเสมือนน้ำผึ้งหยดเดียวที่หยดเล็ก ๆ แต่สามารถแพร่กระจายและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มาก จึงสื่อถึงปัญหาหรือเรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่มีผลลัพธ์ที่ใหญ่และสำคัญเกินคาดหมาย กล่าวคือ “เรื่องที่มีต้นเหตุมาจากเรื่องเล็กน้อย แต่กลับลุกลามใหญ่โต” นั่นเอง ที่มาของสำนวน สำนวนนี้มีต้นกำเนิดจากนิทานพื้นบ้านของยุโรปที่เล่าขานกันต่อมา และได้รับการนำมาใช้ในภาษาไทยจนกลายเป็นสำนวนที่คุ้นเคยกันในปัจจุบัน เรื่องเล่าถึงนายพรานคนหนึ่งที่ออกเดินทางพร้อมสุนัขคู่ใจไปพบถ้ำบนเทือกเขาในทะเลทราย ในถ้ำมีโพรงน้ำผึ้งใสสะอาดและหอมหวาน นายพรานจึงบรรจุน้ำผึ้งใส่ขวดจนเต็มและเดินทางกลับบ้านต่างแดน เมื่อมาถึงเมืองหนึ่ง เขาเข้าไปเสนอขายน้ำผึ้งในร้านขายน้ำมัน ขณะที่เจ้าของร้านกำลังชิมน้ำผึ้ง น้ำผึ้งหยดหนึ่งตกลงบนพื้น ทำให้แมลงวันบินมาตอมจนเต็มไปหมด นกบินเข้ามาจิกกินแมลง วันนั้นแมวของเจ้าของร้านเห็นนกก็พุ่งตะปบนกตาย สุนัขของนายพรานเห็นแมวก็กัดแมวตาย เจ้าของร้านโกรธจึงเตะสุนัขจนตาย เหตุการณ์บานปลายเมื่อนายพรานชักมีดแทงเจ้าของร้านจนเสียชีวิต ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงรุมทุบนายพรานจนตาย ข่าวการฆาตกรรมลุกลามถึงบ้านเกิดของนายพราน ทำให้เกิดการส่งคนมาล้างแค้นซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างสองดินแดนที่ยืดเยื้อนานหลายปี ทั้งหมดนี้เกิดจาก “น้ำผึ้งหยดเดียว” เพียงหยดเดียวที่ตกลงพื้น เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้เราระมัดระวังไม่ปล่อยให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ หรือเรื่องเล็กน้อยที่ควรจบได้กลับลุกลามเป็นความขัดแย้งบานปลายอย่างไม่จำเป็น ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนน้ำผึ้งพระจันทร์ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำผึ้งพระจันทร์ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำผึ้งพระจันทร์ น้ำผึ้งพระจันทร์ หมายถึง สำนวน “น้ำผึ้งพระจันทร์” หมายถึง ช่วงเวลาที่คู่รักอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข รักกันดี ไม่มีปัญหา หรือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความหวานชื่นและความโรแมนติก เปรียบเสมือนน้ำผึ้งที่หวานและพระจันทร์ที่สวยงาม เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่หวานละมุนและสวยงามในช่วงแรก ๆ ของความสัมพันธ์ กล่าวคือ “ความสุขร่วมกันของสามีภรรยาที่เพิ่งสมรสกันใหม่” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากประเพณีดื่มน้ำผึ้งในคืนแรกของคู่แต่งงานในยุคโบราณของชาวนอร์ส (Norse) ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองในแถบนอร์เวย์และประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ซึ่งมีเรื่องเล่าถึงเจ้าบ่าวที่ลักพาตัวเจ้าสาวที่ตนหมายปองไปซ่อนไว้ จนฝ่ายหญิงหยุดตามหา จากนั้นคู่บ่าวสาวก็ใช้เวลาช่วงนั้นอย่างมีความสุข ในภาษานอร์ส (Norse) ของชาวนอร์เวย์ พฤติกรรมนี้ถูกเรียกว่า “hjunottsmanathr” ซึ่งหมายถึงความสุขสำราญใจ ในช่วงศตวรรษที่ 5 คู่แต่งงานใหม่จะได้รับของขวัญเป็นเหล้าหมักผสมน้ำผึ้ง (mead) เพื่อดื่มก่อนใช้เวลาร่วมกันในคืนแรกหรือ “first moon” ตามความเชื่อโบราณ เครื่องดื่มนี้เปรียบเสมือนคำอวยพรและยาโด๊ปให้คู่รักสามารถมีทายาทได้อย่างรวดเร็วคำว่า “honeymoon” ยังสะท้อนถึงช่วงเวลาหนึ่งเดือนแรกของคู่แต่งงานใหม่ (คำว่า month มาจาก moon หมายถึงรอบพระจันทร์หนึ่งรอบ) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความหวานชื่น อย่างไรก็ตาม สำนวนนี้บางครั้งก็ถูกใช้เป็นคำเปรียบเปรยถึงความรักในช่วงแรกที่หวานชื่น แต่ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ เหมือนดวงจันทร์เต็มดวงที่ค่อย ๆ ลดทอนเหลือเพียงเสี้ยว…

  • รู้จักสำนวนน้ำตาเช็ดหัวเข่า ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำตาเช็ดหัวเข่า ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำตาเช็ดหัวเข่า น้ำตาเช็ดหัวเข่า หมายถึง สำนวน “น้ำตาเช็ดหัวเข่า” หมายถึง การที่คนต้องทนทุกข์ทรมานหรือเสียใจอย่างมาก จนร้องไห้อย่างหนัก หรืออาการของคนที่เศร้าเสียใจจนร้องไห้จนต้องเอาน้ำตาเช็ดหัวเข่าเปรียบเสมือนภาพของคนที่นั่งก้มหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนนั่งใช้เข่าเช็ดน้ำตาแทน ไม่มีแรงแทบจะยืน กล่าวคือ “ร้องไห้เสียใจอย่างหนักด้วยความชอกช้ำระกำใจ” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเปรยถึงท่าทางการเสียใจร้องไห้ เมื่อคนเสียใจอย่างหนักก็จะทรุดตัวลงนั่ง แล้วกอดเข่าร้องไห้ เอาหัวเข่าเช็ดน้ำตา เราจึงเอาท่าทางการร้องไห้เสียใจนี้มาเปรียบกับคนที่เสียใจอย่างหนัก ถึงขั้นร้องไห้ว่าน้ำตาเช็ดหัวเข่า ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนน้ำกลิ้งบนใบบอน ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำกลิ้งบนใบบอน ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำกลิ้งบนใบบอน น้ำกลิ้งบนใบบอน หมายถึง สำนวน “น้ำกลิ้งบนใบบอน” หมายถึง คนที่มีจิตใจเรรวน ไม่มั่นคง หรือไม่แน่นอน พูดจาหรือทำอะไรที่ไม่ชัดเจน กลับกลอก และแก้ตัวไปเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์ โดยไม่มีความแน่ใจในสิ่งที่ทำหรือพูด เปรียบเสมือนน้ำที่กลิ้งไปบนใบบอน ไม่สามารถอยู่กับที่หรือยึดติดกับใบบอน สะท้อนถึงคนที่ไม่มีความมั่นคงในความคิดหรือการกระทำ กล่าวคือ “คนที่มีจิตใจโลเลไม่แน่นอน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากปรากฏการณ์ที่หยดน้ำที่กลิ้งไปมาบนใบบอน ซึ่งใบบอนมีลักษณะเรียบและมัน ทำให้น้ำไม่สามารถเกาะหรือหยุดอยู่กับที่ได้ น้ำจะไหลลื่นไปเรื่อย ๆ ตามความลาดของใบ ทำให้ไม่สามารถคงอยู่ได้ เปรียบได้กับคนที่มีพฤติกรรมหรือจิตใจไม่มั่นคง พูดหรือทำสิ่งต่าง ๆ ไปเรื่อยโดยไม่มีจุดยืนที่ชัดเจน หรือกลับกลอกแก้ตัวไปมาไม่มีความแน่นอน จึงเปรียบเปรยถึงคนที่มีจิตใจรวนเร อ่อนไหวง่าย ไม่แน่นอน โดยมุ่งเน้นเปรียบเปรยถึงคนโดยเฉพาะผู้หญิงกับน้ำเมื่ออยู่บนใบบอนที่ไม่สามารถซึมซับน้ำได้ ก็จะรวมตัวกันเป็นก้อนกลมอยู่บนใบบอนกลิ้งไปกลิ้งมา ไหลลื่นไปทางไหนก็ได้เลยเป็นคำเปรียบเปรยที่ว่า น้ำใจหญิงเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน ไหลไปไหลมาอ่อนไหวง่าย ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนน้ำซึมบ่อทราย ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำซึมบ่อทราย ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำซึมบ่อทราย น้ำซึมบ่อทราย หมายถึง สำนวน “น้ำซึมบ่อทราย” หมายถึง การที่มีรายได้หรือผลประโยชน์เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มากหรือน้อย แต่ก็มีการไหลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและไม่ขาดสาย เปรียบเสมือนน้ำที่ค่อย ๆ ซึมผ่านบ่อทราย ถึงแม้จะไม่มากในแต่ละครั้ง แต่ก็สะสมไปเรื่อย ๆ จนเต็มบ่อในที่สุด ซึ่งแสดงถึงรายได้ที่มีเข้ามาต่อเนื่องแม้จะไม่มากในแต่ละครั้ง แต่ยังคงมีเข้ามาเสมอในระยะยาว กล่าวคือ “สิ่งที่หามาได้อยู่เสมอไม่ขาด” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบน้ำที่ค่อย ๆ ซึมผ่านบ่อทราย ซึ่งแสดงถึงกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป แม้จะไม่มีการไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วหรือมากมาย แต่ก็ยังคงมีน้ำซึมเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและไม่ขาดสาย ในสมัยก่อนนั้นน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคนั้นจะได้มาจากการขุดบ่อดินลงไปลึก ๆ ซึ่งเมื่อถึงชั้นที่มีน้ำผุดออกมานั้นมักจะมีทรายอยู่จำนวนมาก และในชั้นดินดังกล่าวนั้นจะเป็นชั้นที่มีน้ำใหลออกมาทีละน้อยเรื่อย ๆ จนเต็มบ่อ ไม่ว่าเราจะใช้น้ำมาแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าเราปล่อยบ่อทิ้งไว้สักพักน้ำก็จะซึมออกมาจนเต็มบ่อเหมือนเดิม และมีน้ำให้ใช้เรื่อย ๆ ในเชิงความหมาย สำนวนนี้ใช้เปรียบเทียบกับการมีรายได้หรือผลประโยชน์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้บางครั้งจะไม่มาก แต่ก็มีเข้ามาเสมอในระยะยาวจนเกิดผลสะสมขึ้นเรื่อย ๆ สำนวนนี้สะท้อนถึงความสำคัญของความพยายามหรือการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดผลในระยะยาว ตัวอย่างการใช้สำนวน