Tag: สำนวนไทย น.

  • รู้จักสำนวนน้ำท่วมปาก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนน้ำท่วมปาก ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. น้ำท่วมปาก น้ำท่วมปาก หมายถึง สำนวน “น้ำท่วมปาก” หมายถึง การที่คนไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะเกรงว่าจะเกิดผลเสียต่อตนเองหรือผู้อื่น อยากจะพูดก็พูดไม่ออกพูดไม่ได้ หรือเพราะสถานการณ์ไม่เหมาะสมที่จะพูด การเก็บความคิดหรือปากเอาไว้เพราะการพูดออกไปอาจทำให้เกิดอันตรายหรือทำให้สถานการณ์แย่ลง เปรียบเสมือนน้ำที่ท่วมถึงปาก ซึ่งทำให้ไม่สามารถพูดได้ หรือพูดออกไปไม่ได้ เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา สะท้อนถึงการจำกัดตัวเองในการพูดหรือแสดงความเห็นในบางสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ กล่าวคือ “คนที่พูดไม่ออกเพราะเกรงจะมีภัยแก่ตนหรือผู้อื่น” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเทียบสภาพของคนที่ถูกน้ำท่วมปาก ซึ่งทำให้ไม่สามารถพูดหรือแสดงออกได้ เพราะน้ำท่วมปากจนพูดไม่ได้ สำนวนนี้ใช้เปรียบกับคนที่พูดไม่ออกเพราะเกรงว่าอาจทำให้ตนเองหรือผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย หรือเกิดผลเสียตามมาในสถานการณ์นั้น ๆ จึงเป็นสำนวนที่สะท้อนถึงความจำเป็นในการอดกลั้นหรือเก็บปากไว้ เมื่อพูดออกไปอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง หรือทำร้ายตนเองและผู้อื่น ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนนายว่าขี้ข้าพลอย ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนนายว่าขี้ข้าพลอย ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. นายว่าขี้ข้าพลอย นายว่าขี้ข้าพลอย หมายถึง สำนวน “นายว่าขี้ข้าพลอย” หมายถึง คนที่ทำตามหรือเลียนแบบพฤติกรรมของคนที่ตนเองเคารพหรือทำงานให้ โดยไม่ไตร่ตรองหรือพิจารณาให้ดี หรือแสดงออกตามความคิดหรือคำสั่งของผู้อื่นโดยไม่คิดอย่างรอบคอบ เปรียบเสมือนขี้ข้าที่ทำตามนายในทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงว่าการกระทำนั้นถูกหรือผิด หรือเหมาะสมหรือไม่ กล่าวคือ “คนที่พลอยพูดผสมโรงติเตียนผู้อื่นตามน้ำนายไปด้วย” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากสังคมไทยในอดีตที่มีระบบเจ้าขุนมูลนาย ซึ่งเจ้าขุนมูลนายจะมีลูกน้องและขี้ข้าที่ทำงานรับใช้และปฏิบัติตามคำสั่งของนาย ขี้ข้ามักทำตามคำสั่งนายโดยไม่มีการคิดไตร่ตรอง หรือไม่สอบถามเหตุผล สิ่งนี้ถูกเปรียบเทียบกับการกระทำของคนในสังคมที่ทำตามผู้อื่นโดยไม่พิจารณาให้ดี สำนวนนี้จึงใช้เรียกคนที่ไม่คิดหรือพิจารณาให้ดี เมื่อทำตามคำสั่งหรือเลียนแบบผู้อื่นเหมือนขี้ข้าที่ทำตามนายโดยไม่มีข้อสงสัย ดั่งสำนวนที่ว่านายต่อว่าขี้ข้าพลอยคล้อยตามนายไปด้วย ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนนกมีหู หนูมีปีก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนนกมีหู หนูมีปีก ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. นกมีหู หนูมีปีก นกมีหู หนูมีปีก หมายถึง สำนวน “นกมีหู หนูมีปีก” หมายถึง ผู้ที่ทำตัวกลับกลอก เข้าได้กับทุกฝ่ายอย่างไม่น่าไว้วางใจ เพื่อหวังผลประโยชน์จากทุกทาง แม้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีความสามารถ ก็อาจเกี่ยวข้องและมีบทบาทซ่อนอยู่ เปรียบเสมือนนกที่ไม่น่าจะมีหูแต่กลับได้ยิน และหนูที่ไม่น่าจะบินได้แต่กลับมีปีก บ่งบอกถึงคนที่ลื่นไหล เปลี่ยนข้างได้ตลอด และมีสายสัมพันธ์ทุกทิศทางเพื่อผลประโยชน์ตนเอง กล่าวคือ “คนที่ทำตัวกลับกลอกเพื่อประโยชน์ของตน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบเปรยสัตว์ที่ไม่น่าจะมีคุณสมบัติดังกล่าวตามธรรมชาติ เช่น นกที่ไม่มีหูให้เห็นชัด หรือหนูที่ไม่มีปีกบินได้ แต่กลับใช้เพื่อสื่อว่าสิ่งที่ไม่น่าจะรู้หรือเกี่ยวข้อง อาจรับรู้และมีบทบาทแอบแฝงอยู่โดยไม่คาดคิด สำนวนนี้จึงเปรียบกับมนุษย์พวกที่ชอบเปลี่ยนข้าง กลับกลอก และเข้าได้กับทุกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน คนเหล่านี้มีไหวพริบสูง รู้ทันสถานการณ์ และสามารถประณามสิ่งที่ตนเคยยกย่องได้ในทันที เมื่อถึงคราวคับขันหรือสถานการณ์เปลี่ยนไป เพื่อเอาตัวรอดหรือปรับตัวให้ได้เปรียบ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่จริงใจและการไร้จุดยืนในแบบฉบับของ “นกมีหู หนูมีปีก” อย่างแท้จริง ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนนกต่อ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนนกต่อ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. นกต่อ นกต่อ หมายถึง สำนวน “นกต่อ” หมายถึง บุคคลที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือเหยื่อล่อ เพื่อหลอกล่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อ หลงกล หรือเดินเข้ามาติดกับตามแผนที่วางไว้ เปรียบเสมือนการใช้นกที่ถูกฝึกมาเพื่อส่งเสียงเรียกหรือนำทางให้นกตัวอื่น ๆ บินเข้ามาใกล้ แล้วถูกจับโดยผู้ล่า กล่าวคือ “คนที่ทำหน้าที่ติดต่อหรือชักจูงหลอกล่อคนอื่นให้หลงเชื่อ (ใช้ในทางไม่ดี)” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากวิธีล่านกในอดีตของชาวบ้าน ซึ่งจะจับนกชนิดเดียวกับที่ต้องการล่า แล้วฝึกให้มันส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนนกให้บินเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงใช้กับดักหรืออาวุธจับนกตัวอื่นที่ถูกหลอกมาด้วยเสียงของ “นกต่อ” พฤติกรรมนี้จึงถูกนำมาเปรียบเปรยกับคนที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกล่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อ หรือตกเป็นเหยื่อ โดยที่ตัวนกต่อเองอาจรู้หรือไม่รู้ตัวก็ได้ว่าตนกำลังถูกใช้ประโยชน์จากผู้อยู่เบื้องหลัง ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนนกรู้ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนนกรู้ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. นกรู้ นกรู้ หมายถึง สำนวน “นกรู้” หมายถึง ผู้ที่มีไหวพริบ รู้เท่าทันเหตุการณ์หรือภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน แล้วรีบหาทางเอาตัวรอดหรือหาผลประโยชน์ก่อนใคร เปรียบเสมือนนกที่ไวต่อความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอันตรายและบินหนีไปก่อนผู้อื่น กล่าวคือ “ผู้ที่มีไหวพริบรู้เท่าทันเหตุการณ์หรือภัยที่จะมาถึงตน แล้วหาผลประโยชน์หรือหาทางเอาตัวรอดไปก่อน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการสังเกตพฤติกรรมของนกในธรรมชาติ โดยเฉพาะนกขนาดเล็กอย่างนกกระจอกหรือนกกระจิบ ที่มีสัญชาตญาณไวต่อความผิดปกติของสิ่งแวดล้อม หากมีสิ่งใดเคลื่อนไหว หรือมีเงาทอดผ่าน เช่น เงาของนกเหยี่ยวที่อาจบินลงมาโฉบจับกินเป็นอาหาร นกเหล่านี้จะรีบหลบซ่อนตัวในพุ่มไม้หรือบินหนีในทันที เพื่อเอาตัวรอดจากอันตราย, นกแสก / นกฮูก แม้อยู่ในเวลากลางคืน แต่นกเหล่านี้มีประสาทสัมผัสเฉียบไว สามารถจับความเคลื่อนไหวหรือเสียงที่เบามากได้, นกนางแอ่นมักบินต่ำผิดปกติก่อนเกิดพายุ หรือพายุฝน เพราะรับรู้การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศและทิศทางลมได้แม่นยำ ฯลฯ พฤติกรรมนี้จึงถูกนำมาเปรียบเปรยเป็นสำนวน “นกรู้” หมายถึง คนที่มีไหวพริบ รู้เท่าทันสถานการณ์ รู้ล่วงหน้าว่าอาจเกิดภัยหรือเรื่องไม่ดีขึ้น และรีบหาทางเอาตัวรอดหรือปรับตัวให้ปลอดภัยก่อนใคร อาจรวมถึงผู้ที่หาผลประโยชน์จากสถานการณ์อย่างรวดเร็ว โดยคนอื่นยังไม่รู้หรือไม่ทันสังเกต สำนวนนี้จึงสะท้อนลักษณะของคนที่เฉลียวฉลาด เอาตัวรอดเก่ง และมักจะรู้เหตุการณ์หรือความเปลี่ยนแปลงก่อนผู้อื่นเสมอ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนนกสองหัว ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนนกสองหัว ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ น. นกสองหัว นกสองหัว หมายถึง สำนวน “นกสองหัว” หมายถึง คนที่ไม่จริงใจ ไม่มีความซื่อสัตย์ คบหรือเข้ากับคนสองฝ่ายพร้อมกันเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตน เปรียบเสมือนนกที่มีสองหัว หันไปคนละทิศ ไม่ยึดมั่นต่อทิศทางใดทางหนึ่ง สะท้อนถึงพฤติกรรมของคนที่เลือกอยู่กับฝ่ายที่ได้เปรียบ โดยไม่ภักดีต่อใครจริง ๆ กล่าวคือ “คนที่แสดงตนว่าเป็นพวกของฝ่ายนั้น ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนั้น โดยที่แต่ละพวกนั้นเป็นศัตรูกัน หรือคนที่ทำตัวฝักใฝ่เข้าด้วยทั้งสองฝ่ายที่ไม่เป็นมิตรกันโดยหวังประโยชน์เพื่อตน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าสำนวนนี้อาจมีต้นเค้ามาจากช่วงที่ชาวต่างชาติเข้ามาในไทย โดยเฉพาะในสมัยอยุธยา มีคนไทยบางกลุ่มที่ต้องการแสดงตนว่าอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของชาวต่างชาติ จึงเจาะเหรียญต่างชาติ เช่น เหรียญ Double-headed eagle ของรัสเซีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปนกสองหัว แล้วนำมาห้อยคอเป็นเครื่องหมาย เหรียญดังกล่าวมีภาพนกที่มีสองหัวหันไปคนละทิศ ซึ่งเปรียบได้กับพฤติกรรมของคนที่คบสองฝ่าย ไม่เลือกข้างอย่างชัดเจน หรือแสดงตนว่าอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน จึงกลายมาเป็นสำนวน “นกสองหัว” ที่ใช้เรียกคนไม่ซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์หรือทางการเมืองในปัจจุบัน ตัวอย่างการใช้สำนวน