Tag: สำนวนไทย ฝ.

  • รู้จักสำนวนฝันกลางวัน ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนฝันกลางวัน ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝันกลางวัน ฝันกลางวัน หมายถึง สำนวน “ฝันกลางวัน” หมายถึง การเพ้อฝันหรือจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยมักเป็นเรื่องที่เกินกว่าความจริงหรือความสามารถในชีวิตประจำวัน เปรียบเสมือนการสร้างโลกสมมติในหัวของตัวเอง ใช้เวลาและความคิดไปกับสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นจริง แทนที่จะเผชิญกับความจริงหรือลงมือทำสิ่งที่ทำได้จริง กล่าวคือ “การคิดฝันในสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากโรคฝันกลางวัน โดยเรียกว่า Maladaptive Daydreaming ซึ่งเป็นภาวะที่บุคคลมักเพ้อฝันหรือจินตนาการอย่างเข้มข้นในขณะตื่น จินตนาการมักเกี่ยวกับสิ่งที่เกินจริง ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง หรือเป็นไปไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ภาพของคนฝันกลางวันคือการนั่งหรืออยู่กับตัวเอง จิตใจล่องลอยไปกับเรื่องราวที่สร้างขึ้นในหัว แยกตัวจากความจริงรอบตัว สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้ในภาษาไทยเพื่อเปรียบเทียบผู้ที่มักนึกฝันถึงสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริง เหมือนเอาเวลาไปจมอยู่กับภาพในหัวโดยไม่ลงมือทำอะไร หรือไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เห็นภาพว่าเป็นการเพ้อฝันเกินกว่าความเป็นจริง เปรียบเสมือนการเดินอยู่ท่ามกลางโลกของจินตนาการแทนที่จะอยู่กับความจริงรอบตัว ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนฝ่าคมหอกคมดาบ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนฝ่าคมหอกคมดาบ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝ่าคมหอกคมดาบ ฝ่าคมหอกคมดาบ หมายถึง สำนวน “ฝ่าคมหอกคมดาบ” หมายถึง การผ่านความเสี่ยงหรืออันตรายอย่างรุนแรง ทั้งจากสงคราม สถานการณ์รุนแรง หรืออาวุธนานาชนิด เปรียบเสมือนการเดินผ่านสนามรบที่เต็มไปด้วยหอกและดาบแหลมคมที่อันตรายเป็นอย่างมาก กล่าวคือ “การผ่านการเสี่ยงภัย หรือเสี่ยงอันตรายจากสงคราม หรืออาวุธนานาชนิด” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากภาพของสงครามและการต่อสู้ในอดีต เมื่อต้องเข้าสู่สนามรบเต็มไปด้วยหอก ดาบ และอาวุธแหลมคมต่าง ๆ ทหารหรือผู้เข้าสู้ศึกต้องใช้ความกล้าหาญ ความชำนาญ และความระมัดระวังสูงสุดเพื่อเอาตัวรอด เพราะอันตรายอย่างมาก การฝ่าผ่านสถานการณ์อันตรายเช่นนี้จึงถูกนำมาเปรียบเปรยกับการเผชิญกับความเสี่ยงหรืออุปสรรครุนแรงในชีวิตหรือหน้าที่การงาน ซึ่งต้องมีความกล้า ความสามารถ และความรอบคอบเพื่อให้รอดพ้นจากความเสียหายหรือภัยพิบัติ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนฝากผีฝากไข้ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนฝากผีฝากไข้ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝากผีฝากไข้ ฝากผีฝากไข้ หมายถึง สำนวน “ฝากผีฝากไข้“ หมายถึง การยึดใครสักคนเป็นที่พึ่งพิงหรือให้อยู่ในความดูแลจนวันตาย เปรียบเสมือนการมอบตนเองให้อยู่ในความดูแลคุ้มครอง หรือพิทักษ์รักษาของผู้อื่น ในทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นกระทั่งการเจ็บไข้ได้ป่วย จนกระทั่งถึงวันตาย เปรียบกับเป็นไข้ก็ฝาก ต่อให้เป็นผีก็ยังฝาก กล่าวคือ “การขอยึดเป็นที่พึ่งพิงจนวันตาย, ให้อยู่ในความดูแลจนกว่าจะตาย” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเปรียบการยึดใครสักคนเป็นที่พึ่งพิงและวางใจให้ดูแลเราในทุกเรื่องอย่างเต็มที่ ครอบคลุมตั้งแต่ชีวิตประจำวันไปจนถึงยามเจ็บไข้ได้ป่วย รวมทั้งการดูแลหลังความตาย ในส่วนของ “ฝากไข้” คือการขอให้ผู้รับฝากคอยดูแลรักษาในยามเจ็บป่วยหรือเมื่อร่างกายอ่อนแอ และยามแก่เฒ่า ส่วน “ฝากผี” คือการขอให้ผู้รับฝากจัดการเรื่องต่าง ๆ หลังจากเสียชีวิต เช่น การจัดพิธีกรรม การเผาศพ หรือการดูแลเรื่องทรัพย์สินและภาระผูกพันต่าง ๆ การฝากผีฝากไข้จึงสะท้อนถึงความไว้วางใจและความผูกพันลึกซึ้งระหว่างผู้ฝากและผู้รับฝาก คือการมอบชีวิตและความตายไว้ในความดูแลของผู้อื่นอย่างเต็มใจ และสื่อถึงความมั่นใจว่าผู้ที่ถูกฝากจะคอยคุ้มครองและจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้จนถึงที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ยามที่ผู้ฝากไม่สามารถจัดการเองได้อีกต่อไป ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนฝากปลาไว้กับแมว ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนฝากปลาไว้กับแมว ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝากปลาไว้กับแมว ฝากปลาไว้กับแมว หมายถึง สำนวน “ฝากปลาไว้กับแมว” หมายถึง การมอบหมายสิ่งที่สำคัญหรือมีค่าให้กับผู้ที่ไม่น่าไว้ใจหรืออาจทำให้เสียหายได้ เปรียบเสมือนการให้แมวดูแลปลา ซึ่งตามธรรมชาติแล้วแมวมักจะกินปลา จึงไม่สามารถไว้ใจได้ กล่าวคือ “การฝากสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้กับคนที่ชอบสิ่งนั้นย่อมสูญหายได้ง่าย, ไว้ใจคนที่ไม่ควรไว้ใจ” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ โดยเฉพาะแมวที่เป็นนักล่าตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นปลาแมวมักจะกินทันที ดังนั้นการนำปลาไปฝากให้แมวดูแล ถ้าจะเอาคืนคงไม่ได้เพราะแมวกินไปแล้วแน่นอน จึงเท่ากับมอบสิ่งที่มีค่าให้กับผู้ที่ไม่น่าไว้ใจหรือมีแนวโน้มทำให้เสียหายได้ คนโบราณสังเกตพฤติกรรมนี้และนำมาใช้เป็นคำเปรียบเทียบเชิงสำนวน เพื่อเตือนให้ระวังในการฝากสิ่งสำคัญไว้กับผู้ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือผู้ที่มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การมอบหมายงานสำคัญให้คนที่ไม่ซื่อสัตย์ การฝากเงินหรือทรัพย์สินให้ผู้ที่อาจเอาเปรียบ หรือแม้กระทั่งการไว้ใจเรื่องลับกับคนที่ไม่น่าไว้วางใจ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนฝนทั่งให้เป็นเข็ม ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนฝนทั่งให้เป็นเข็ม ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝนทั่งให้เป็นเข็ม ฝนทั่งให้เป็นเข็ม หมายถึง สำนวน “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” หมายถึง ความพากเพียร ความอดทน และความตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องจนสำเร็จ แม้เรื่องนั้นจะยากลำบาก เปรียบเสมือนการตีหรือฝนก้อนเหล็กใหญ่ด้วยทั่งซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องจนค่อย ๆ บางและขึ้นรูปกลายเป็นเข็ม แสดงถึงความมุ่งมั่นและความอดทนเต็มที่จนบรรลุผล “การพากเพียรพยายามมากจนถึงที่สุด เพื่อให้สำเร็จผล” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากกระบวนการตีโลหะในอดีต โดยใช้ก้อนทั่งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเหล็กหนาและแข็ง เป็นตัวแทนของความยากและความท้าทายมาก ช่างตีเหล็กในสมัยก่อนจะต้อง ฝนตีเหล็กซ้ำ ๆ อย่างต่อเนื่องและอดทน จนก้อนเหล็กค่อย ๆ บางลงและขึ้นรูปจนกลายเป็นแท่งเข็ม กระบวนการนี้ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และความตั้งใจอย่างมาก เพราะโลหะมีความแข็งและไม่ง่ายต่อการขึ้นรูป การตีซ้ำ ๆ จนก้อนเหล็กกลายเป็นแท่งขนาดเหล็กเข็มจึงถูกนำมาเปรียบเปรยกับความพากเพียรของคน ที่ต้องทำสิ่งหนึ่งซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง แม้จะยากลำบาก จนบรรลุเป้าหมายในที่สุด ดังนั้นสำนวนนี้จึงสื่อถึง ความอดทน ความพยายาม และความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อสิ่งที่ตั้งใจ แม้จะเป็นเรื่องยากหรือใช้เวลานานก็ตาม ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนฝนตกไม่ทั่วฟ้า ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนฝนตกไม่ทั่วฟ้า ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ฝ. ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ฝนตกไม่ทั่วฟ้า หมายถึง สำนวน “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า” หมายถึง การให้ความช่วยเหลือหรือสิ่งดี ๆ ที่ไม่กระจายไปถึงทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เปรียบเสมือนฝนที่ตกลงมา แต่ไม่ได้กระจายทั่วแผ่นดิน บางพื้นที่เปียกชุ่ม บางพื้นที่ยังแห้งอยู่ กล่าวคือ “การทำอะไรหรือแจกจ่ายอะไรให้ไม่ทั่วถึงกัน” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากธรรมชาติของฝนที่ตกไม่กระจายทั่วพื้นที่ทุกแห่ง บางพื้นที่ได้รับฝนเปียกชุ่มเต็มที่ ขณะที่บางพื้นที่แทบไม่ได้รับน้ำฝนเลย การสังเกตปรากฏการณ์นี้ทำให้คนเปรียบเทียบกับการให้ความช่วยเหลือ โอกาส หรือสิ่งดี ๆ ในชีวิต ที่มัก ไม่กระจายไปถึงทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สำนวนนี้จึงใช้สื่อถึงสถานการณ์ที่ความช่วยเหลือ ความเมตตา หรือสิ่งที่พึงมีพึงได้ ไม่ได้ตกถึงทุกคนพร้อมกันหรือเท่ากันเสมอไป ทั้งยังสะท้อนความจริงในสังคมว่าคนบางคนอาจได้รับประโยชน์หรือความช่วยเหลือมากกว่า ขณะที่คนอื่นอาจแทบไม่ได้รับอะไรเลย ตัวอย่างการใช้สำนวน