Tag: สำนวนไทย พ.

  • รู้จักสำนวนพาลีหลายหน้า ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนพาลีหลายหน้า ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ พ. พาลีหลายหน้า พาลีหลายหน้า หมายถึง สำนวน “พาลีหลายหน้า” หมายถึง คนที่มีนิสัยและคำพูดคำจากลับกลอก ปลิ้นปล้อนไม่มีความจริงใจ และไม่ซื่อสัตย์ เปรียบเสมือนลิงพาลีในวรรณคดีรามเกียรติ์ มีนิสัยกลับกลอกทำสิ่งตรงข้ามกับสัญญาและความถูกต้อง แสดงออกต่างกันตามสถานการณ์และความต้องการของตนเท่านั้น กล่าวคือ “คนที่มีนิสัยกลับกลอก, ไม่ซื่อสัตย์, สับปลับ, หน้าไหว้หลังหลอก” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากวรรณคดีเรื่องเรื่องรามเกียรติ์ ลิงที่ชื่อว่า “พาลี” เป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง โดยเป็นลิงได้เปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองจากเดิมที่เคยประกอบคุณงามความดี ไปเป็นลิงที่มีความโลภมีตัณหาราคะ แย่งเอาภรรยาน้องชาย ครั้นพาลีและสุครีพสามารถยกเขาพระสุเมรุกลับมาตั้งตรงได้อีกครั้ง พระอิศวรก็มอบโบนัสพิเศษมากมายแก่พญากากาศ(พาลี) พลางมอบของสมนาคุณ(คือนางดารา) ไปให้สุครีพ แต่พระนารายณ์ดันท้วงว่าเป็นการฝากปลาย่างไว้กลับแมวพาลีจึงให้สัญญาว่าถ้าตนเอานางดาราไปเป็นเมียขอให้ตายด้วยศรของพระนารายณ์ ต่อมาพาลีก็เอานางมาเป็นเมียในที่สุด สำนวนนี้อีกอย่างหนึ่งว่า พาลีสองหน้า ตัวอย่างการใช้สำนวน สำนวนที่ความหมายคล้ายกัน

  • รู้จักสำนวนพายเรือทวนน้ำ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนพายเรือทวนน้ำ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ พ. พายเรือทวนน้ำ พายเรือทวนน้ำ หมายถึง สำนวน “พายเรือทวนน้ำ” หมายถึง ทำสิ่งใดด้วยความยากลำบาก เพราะมีอุปสรรคมาก ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าปกติ ยากที่จะสำเร็จได้ เปรียบเสมือนการพายเรือไปทวนกระแสน้ำ ต้องออกแรงมาก เรือไปได้ช้า หรืออาจย้อนกลับ ทำให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและยากต่อความสำเร็จ กล่าวคือ “การทำอะไรด้วยความยากลำบากเพราะมีอุปสรรคมาก” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการพายเรือในแม่น้ำหรือลำคลองที่มีน้ำไหลตามทิศทางของมัน เมื่อพายเรือไปตามกระแสน้ำ จะง่ายและเร็ว เรือไหลไปตามทางด้วยความราบรื่น แต่หากพยายามพายเรือทวนกระแสน้ำ จะเป็นเรื่องยากลำบากมาก การพายทวนน้ำต้องใช้แรงมากกว่าเดิม หลายครั้งเรือไปได้ช้า หรือแทบไม่ไปไหนเลย บางครั้งอาจย้อนกลับมาที่เดิม ทำให้ผู้พายเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกท้อ สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับการทำสิ่งใดที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ แม้ผู้ทำงานจะขยันหรือพยายามเต็มที่ ผลลัพธ์อาจไม่ราบรื่นหรือสำเร็จยาก เหมือนการพายเรือทวนน้ำที่เหน็ดเหนื่อยและต่อสู้กับกระแสน้ำอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างการใช้สำนวน สำนวนที่ความหมายคล้ายกัน

  • รู้จักสำนวนพูดคล่องเหมือนล่องน้ำ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนพูดคล่องเหมือนล่องน้ำ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ พ. พูดคล่องเหมือนล่องน้ำ พูดคล่องเหมือนล่องน้ำ หมายถึง สำนวน “พูดคล่องเหมือนล่องน้ำ” หมายถึง คนที่พูดเก่ง พูดคล่องไหลลื่น ไม่ติดขัด เหมือนน้ำไหลไปตามทาง เปรียบเสมือนน้ำที่ไหลตามลำคลองหรือลำแม่น้ำอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด การพูดจึงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ฟังราบรื่น และคล่องแคล่ว กล่าวคือ “คนที่พูดไม่ติดขัด พูดได้อย่างไหลลื่นเหมือนสายน้ำไหลไปตามธารน้ำธรรมชาติ” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการไหลของสายน้ำตามธารน้ำธรรมชาติ ซึ่งน้ำไหลไปตามทางของมันอย่างราบรื่น ต่อเนื่อง และไม่สะดุด สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับการพูดที่คล่องไหล ลื่นไหลอย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด เช่นเดียวกับน้ำที่ไหลไปตามทาง พูดออกมาได้อย่างราบรื่น ฟังง่าย และชัดเจน คนฟังไม่ติดขัด สามารถเข้าใจได้ง่าย และมักใช้กับคนที่พูดเก่ง พูดชำนาญ หรือสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนพูดเป็นต่อยหอย ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนพูดเป็นต่อยหอย ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ พ. พูดเป็นต่อยหอย พูดเป็นต่อยหอย หมายถึง สำนวน “พูดเป็นต่อยหอย” หมายถึง คนที่พูดมาก พูดไม่หยุด หรือพูดฉอด ๆ ต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการต่อยหอยนางรมตัวเล็ก ๆ บนก้อนหินอย่างต่อเนื่องตลอดหลายชั่วโมง เสียงรัว “ต๊อก ๆ ๆ ๆ” ไม่มีหยุดมือ เหมือนปากคนช่างพูดที่พูดไม่หยุด กล่าวคือ “คนที่พูดฉอด ๆ ไม่หยุดปาก” นั่นเอง ที่มาของสำนวน มาจากการเก็บหอยนางรมตามธรรมชาติในสมัยก่อน ซึ่งหอยขนาดเล็กประมาณขนมครกจะเกาะอยู่บนก้อนหินชายหาดจำนวนมาก เมื่อเวลาน้ำลง ชาวบ้านที่ทำอาชีพเก็บหอยจะนั่งต่อยเปลือกออกเพื่อแกะเอาเนื้อหอยมาขาย เนื่องจากหอยตัวเล็กและต้องการจำนวนมากเพื่อขายต่อ จึงต้องต่อยเร็ว ๆ ถี่ ๆ ไม่หยุดมือ ตลอดหลายชั่วโมง เสียงต่อยดัง “ต๊อก ๆ ๆ ๆ” รัวกันเต็มชายหาด ทำให้เกิดภาพคนทำงานที่ต่อยหอยอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับคนที่พูดมาก พูดฉอด ๆ ไม่หยุดปาก เหมือนกับมือที่ต่อยหอยอย่างไม่หยุด ไม่มีเบรก เสียงรัวต่อเนื่องเหมือนคำพูดของคนช่างพูด ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ พ. พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ หมายถึง สำนวน “พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่” หมายถึง การรู้ทันกันหรือรู้เจตนา ความคิดของอีกฝ่ายทันที ไม่ต้องรอให้พูดอะไรยาว ๆ เปรียบเสมือนการอ้าปากแล้วเห็นลิ้นไก่มันมองเห็นได้ยากมาก เพราะลิ้นไก่คือติ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในช่องปาก คนส่วนใหญ่ต้องอ้าปากกว้างมาก ๆ จึงจะมองเห็น เมื่อได้เห็นได้จึงเปรียบดั่งการรู้เท่าทันอีกฝ่าย กล่าวคือ “การรู้ทันกัน, พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ พอแย้มปากก็เห็นไรฟัน” ก็ว่า ที่มาของสำนวน มาจากลิ้นไก่หรือไรฟันที่อยู่ลึกในช่องปาก ปกติมองไม่เห็นหรือเห็นได้ยาก เพราะลิ้นไก่คือติ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในช่องปาก คนส่วนใหญ่ต้องอ้าปากกว้างมาก ๆ จึงจะมองเห็นได้ สำนวนนี้จึงถูกนำมาใช้เปรียบดั่งว่าถ้าได้เห็นลิ้นไก่หรือไรฟันในปากก็เท่ากับการรู้เท่าทันคนใกล้ชิด เพียงเห็นสิ่งหรือสัญญาณเล็ก ๆ ก็สามารถเดาเจตนา ความคิด หรือความตั้งใจของอีกฝ่ายได้ทันที สำนวนนี้จึงมักใช้ในสถานการณ์ที่ผู้พูดหรือผู้ฟังรู้เท่าทันกันดี รู้เจตนา ความคิด หรือความตั้งใจของอีกฝ่ายโดยไม่ต้องรอให้พูดตรง ๆ อย่าง เพื่อนสนิท หรือคู่ค้าใกล้ชิด สัญญาณเล็ก ๆ ก็สามารถบอกความจริงได้ ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสำนวนพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น ที่มาและความหมาย

    รู้จักสำนวนพบไม้งามเมื่อขวานบิ่น ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ พ. พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น หมายถึง สำนวน “พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น” หมายถึง ชายที่ได้เจอผู้หญิงสวยถูกใจ ก็ตอนแก่เสียแล้ว เปรียบเสมือนขวานที่บิ่นไปแล้ว พอไปเจอไม้งามก็ตัดไม่ได้ กล่าวคือ “พบหญิงสาวที่ถูกใจเมื่อตนแก่ เปรียบได้กับเจอต้นไม้งามเมื่อขวานหักบิ่น” นั่นเอง ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยถึงสถานการณ์เมื่อพบต้นไม้งามตามที่ต้องการ แต่ขวานซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการโค่นฟันกลับใช้การไม่ได้เสียแล้ว ผลก็คือ หมดโอกาสที่จะได้ไม้ดี ๆ ไว้ครอบครอง ซึ่งสะท้อนความจริงในชีวิตว่า โอกาสและเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ของดีแม้จะอยู่ตรงหน้า แต่ถ้าไม่พร้อมหรือช้าเกินไป ก็ไม่เกิดประโยชน์ สำนวนนี้ใช้เมื่อชายพบหญิงสาวที่ถูกใจเมื่อวัยตนแก่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ของดีอยู่ตรงหน้า แต่ถ้าไม่พร้อมหรือช้าเกินไปแล้ว ตัวอย่างการใช้สำนวน