Tag: สุภาษิตไทย ข.

  • รู้จักสุภาษิตของกินแมวอย่าเอาไว้ใกล้ฝา ของกินหมาอย่าเอาไว้ต่ำ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตของกินแมวอย่าเอาไว้ใกล้ฝา ของกินหมาอย่าเอาไว้ต่ำ ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ของกินแมวอย่าเอาไว้ใกล้ฝา ของกินหมาอย่าเอาไว้ต่ำ ของกินแมวอย่าเอาไว้ใกล้ฝา ของกินหมาอย่าเอาไว้ต่ำ หมายถึง สุภาษิต “ของกินแมวอย่าเอาไว้ใกล้ฝา ของกินหมาอย่าเอาไว้ต่ำ” หมายถึง การวางสิ่งของหรือทำสิ่งใด ควรระมัดระวังและจัดการอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันปัญหาหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะสิ่งของที่มีค่า ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัยและมิดชิด ไม่วางไว้ในตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการสูญหาย หรือเป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้คนอื่นขโมยไป กล่าวคือ “การจัดวางข้าวของให้เป็นระเบียบต้องพิจารณาว่า ควรเอาไว้ตรงไหนจึงจะเหมาะสม ของที่มีค่าหรอืมีราคาควรระมัดระวังเก็บไว้ให้มิดชิด อย่าวางให้เป็นเครื่องล่อใจขโมย” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวล้านนา ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสัตว์เลี้ยงในบ้านเรือน โดยเฉพาะในอดีตที่บ้านเรือนของคนล้านนามักเป็นเรือนไม้ยกสูง มีการจัดพื้นที่ใช้งานอย่างเป็นระบบ เช่น ฝาเรือนที่ใช้เก็บสิ่งของหรือของกิน และพื้นล่างที่เป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยง เช่น หมาหรือแมว คนสมัยก่อนสังเกตพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ว่าแมวมักกระโดดขึ้นไปบนที่สูง เช่น ฝาเรือน หรือโต๊ะ เพื่อหาอาหาร ส่วนหมาจะคอยดมและกินของที่วางไว้ต่ำหรือบนพื้น สุภาษิตนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อเตือนให้เจ้าของบ้านระมัดระวังการจัดเก็บของกินให้เหมาะสม ไม่ให้เป็นที่ล่อตาล่อใจสัตว์เลี้ยง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายหรือสูญเสียทรัพย์สินได้ สุภาษิตนี้ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนาที่ให้ความสำคัญกับความเป็นระเบียบ ความรอบคอบ และการจัดการสิ่งของให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้คำพูดที่เรียบง่ายและมีภาพเปรียบเทียบจากชีวิตประจำวันเพื่อสอนใจคนรุ่นหลัง ตัวอย่างการใช้สำนวน

  • รู้จักสุภาษิตของหายตะพายบาป ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตของหายตะพายบาป ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ข. ของหายตะพายบาป ของหายตะพายบาป หมายถึง สุภาษิต “ของหายตะพายบาป” หมายถึง การสูญเสียทรัพย์สินหรือของสำคัญ แล้วกลับกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด อาจเป็นการกล่าวหาโดยความเข้าใจผิดหรือความลำเอียง ทำให้ผู้อื่นต้องรับความผิดโดยไม่เป็นธรรม สะท้อนถึงพฤติกรรมที่รีบร้อนกล่าวโทษผู้อื่นโดยไม่ได้ไตร่ตรอง กล่าวคือ “การที่ของหายหรือเข้าใจว่าหายแล้วเที่ยวโทษผู้อื่น” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากวิถีชีวิตในสังคมไทยโบราณ เมื่อมีการสูญเสียทรัพย์สินหรือของสำคัญ มักเกิดความวิตกกังวลและความไม่พอใจ ทำให้เจ้าของของหายรีบกล่าวโทษหรือสงสัยผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด คำว่า “ตะพายบาป” สื่อถึงการแบกบาปหรือทำให้ผู้อื่นต้องรับความผิดที่ไม่ได้ก่อ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรมและอาจทำให้เกิดความบาดหมางในสังคม คำว่า “ตะพายบาป” มาจากคำว่า “ตะพาย” ซึ่งหมายถึง การแบกหรือสะพายสิ่งของไว้บนบ่า หรือการรับภาระบางอย่างไว้ ส่วนคำว่า “บาป” หมายถึง ความผิดหรือผลแห่งการกระทำที่ไม่ถูกต้องในทางศีลธรรม เมื่อนำมารวมกัน “ตะพายบาป” จึงหมายถึง การต้องรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้กระทำ หรือการถูกกล่าวหาให้ต้องรับภาระความผิดโดยไม่เป็นธรรม เปรียบเสมือนการต้องแบกความผิดติดตัวไว้ ทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้ก่อ สุภาษิตนี้จึงถูกใช้เป็นคำเตือนให้คนไม่รีบด่วนตัดสินหรือกล่าวโทษผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน เพราะอาจสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์และก่อให้เกิดบาปแก่ตนเอง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต