Tag: สุภาษิตไทย ฆ.
-
รู้จักสุภาษิตฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. ฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง ฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง หมายถึง สุภาษิต “ฆ้องดีถ้าไม่ตีก็ไม่ดัง” หมายถึง คนที่มีความสามารถหรือความดี หากไม่ได้รับโอกาสหรือไม่แสดงออก ก็ไม่มีใครรู้ถึงความสามารถนั้น เปรียบเสมือนฆ้องที่มีคุณภาพดี แต่ถ้าไม่มีใครตี ก็ไม่อาจส่งเสียงกังวานออกมาได้ สุภาษิตนี้สอนให้รู้ว่า คนมีความสามารถควรหาทางแสดงออก และผู้มีอำนาจควรเปิดโอกาสให้คนเก่งได้แสดงฝีมือ กล่าวคือ “ผู้ที่มีคุณความดีความสามารถในตัวนั้นถ้าไม่มีใครยกย่องชมเชยก็จะไม่มีใครเห็นความดีความสามารถนั้น” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มาจากเปรียบเทียบกับฆ้อง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีไทยที่หากทำจากวัสดุคุณภาพดี ย่อมให้เสียงที่ดังกังวาน แต่ถ้าไม่มีใครตี เสียงนั้นก็จะไม่มีวันดังออกมาให้ใครได้ยิน ฆ้องเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในวัด ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนและวัฒนธรรมไทย อีกทั้งคนไทยกว่า 90% เป็นชาวพุทธ จึงเติบโตมากับวัดและพระพุทธศาสนา ทำให้ฆ้องกลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เปรียบเปรยถึงคุณค่าของบุคคล สุภาษิตนี้สะท้อนแนวคิดว่าผู้ที่มีคุณธรรม ความดี หรือความสามารถ หากไม่ได้รับการยกย่องหรือไม่มีโอกาสแสดงออก ก็จะไม่มีใครรับรู้ถึงคุณค่านั้น เช่นเดียวกับฆ้องที่แม้จะทำจากวัสดุคุณภาพดี แต่หากไม่มีใครตี ก็ไม่อาจส่งเสียงดังกังวานให้ใครได้ยิน สุภาษิตนี้จึงเป็นคำเตือนว่า คนดีควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน เพื่อให้สามารถแสดงความสามารถและสร้างประโยชน์แก่สังคม ไม่เช่นนั้นความดีที่มีอยู่ก็อาจถูกมองข้ามและไม่เป็นที่รับรู้ของผู้คน ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
-
รู้จักสุภาษิตฆ้องกลองไม่ดีย่อมตีไม่ดัง ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. ฆ้องกลองไม่ดีย่อมตีไม่ดัง ฆ้องกลองไม่ดีย่อมตีไม่ดัง หมายถึง สุภาษิต “ฆ้องกลองไม่ดีย่อมตีไม่ดัง” หมายถึง คนที่มีนิสัยไม่ดี หรือสันดานไม่ดี แม้จะได้รับการช่วยเหลือหรือสนับสนุนอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นคนดีได้ เปรียบเสมือนฆ้องหรือกลองที่คุณภาพแย่ ต่อให้ตีแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถให้เสียงดังกังวานได้ สะท้อนให้เห็นว่าธรรมชาติของคนบางคนไม่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ง่าย แม้จะพยายามส่งเสริมหรือให้โอกาสมากเพียงใดก็ตาม กล่าวคือ “คนที่นิสัยหรือสันดานไม่ดีช่วยเหลือเกื้อกูลอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ดีขึ้นได้” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มาจากเปรียบเทียบกับฆ้องและกลอง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทตี หากทำจากวัสดุที่ไม่ดี เช่น เนื้อโลหะไม่แข็งแรง หรือหนังกลองไม่มีคุณภาพ ต่อให้ตีแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถให้เสียงดังกังวานได้ คนไทยนิยมเปรียบฆ้องกับคนเพราะฆ้องอยู่ในวัด และคนไทยเรา 90% เป็นชาวพุทธ ย่อมอยู่กลมกลืนกับวัดกับพระพุทธศาสนา แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้เปรียบเปรยกับคนที่มีนิสัยไม่ดี หรือสันดานเสีย แม้จะได้รับการอบรมสั่งสอน หรือมีผู้คอยสนับสนุน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นคนดีหรือประสบความสำเร็จได้ เพราะพื้นฐานภายในของคนนั้นไม่เอื้อให้เกิดการพัฒนา เปรียบเหมือนเครื่องดนตรีที่ทำจากวัสดุแย่ ต่อให้พยายามใช้ให้ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ สุภาษิตนี้จึงเป็นคำเตือนว่าการพยายามช่วยเหลือหรือสนับสนุนคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง อาจเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ เพราะพื้นฐานของเขาไม่เอื้อต่อการพัฒนา ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
-
รู้จักสุภาษิตฆ่าช้างเอางา ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. ฆ่าช้างเอางา ฆ่าช้างเอางา หมายถึง สุภาษิต “ฆ่าช้างเอางา” หมายถึง การทำลายสิ่งที่มีค่ามาก เพียงเพื่อให้ได้สิ่งเล็กน้อย หรือการเห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยจนยอมสูญเสียสิ่งที่มีค่ากว่า เปรียบได้กับการฆ่าช้างเพื่อเอางา ทั้งที่ช้างมีคุณค่าในตัวของมันเอง แต่กลับถูกทำลายเพียงเพราะต้องการงาซึ่งเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของร่างกาย กล่าวคือ “การทำลายของใหญ่เพื่อให้ได้ของเล็กน้อยซึ่งไม่คุ้มค่ากัน” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มาจากการสะท้อนถึงแนวคิดเรื่องความโลภและการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่า โดยมีที่มาจากการล่าช้างเพื่อเอางา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เนื่องจากงาช้างเป็นของหายากและมีมูลค่าสูง ทำให้มีการล่าช้างอย่างไร้เหตุผลเพียงเพื่อให้ได้งา ทั้งที่ช้างทั้งตัวมีคุณค่ามากกว่าการเอางาเพียงอย่างเดียว สุภาษิตนี้จึงใช้เปรียบเปรยถึงการแลกเปลี่ยนหรือการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล อาจเพราะความโลภ หรือการมองแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น จนสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากกว่า เป็นคำเตือนให้คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำสิ่งใดที่อาจไม่คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
-
รู้จักสุภาษิตฆ่าความอย่าเสียดายพริก ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฆ. ฆ่าความอย่าเสียดายพริก ฆ่าความอย่าเสียดายพริก หมายถึง สุภาษิต “ฆ่าความอย่าเสียดายพริก” หมายถึง เมื่อจะทำอะไรให้สำเร็จ ควรทำให้เด็ดขาด อย่าลังเลหรือตระหนี่ในสิ่งที่จำเป็น จะทำเรื่องที่สำคัญต้องใจถึง รอบคอบ ไม่ขี้เหนียว มิฉะนั้นจะไม่ได้ผลตามที่ต้องการ เปรียบกับการปรุงอาหาร หากต้องการให้เผ็ดแต่เสียดายพริก ใส่ไม่พอ รสชาติย่อมไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เช่นเดียวกับการตัดสินใจในชีวิต ที่หากไม่กล้าทำให้สุด อาจไม่เกิดผลลัพธ์ที่ดี กล่าวคือ “ทำการใหญ่ไม่ควรตระหนี่” นั่นเอง สุภาษิตนี้ยังพูดได้อีกแบบว่า “ฆ่าควายเสียดายเกลือ” ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้สะท้อนวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต ที่สอนให้ทำสิ่งใดก็ตามให้ถึงที่สุด ไม่ลังเลหรือเสียดายในสิ่งที่จำเป็น เปรียบได้กับการปรุงอาหาร หากต้องการให้เผ็ดจัดจ้านแต่กลับใส่พริกน้อยเพราะเสียดาย ย่อมไม่ได้รสชาติที่ต้องการ หรือเมื่อลงมือฆ่าควายแล้วก็ต้องใช้เกลือให้พอเหมาะในการถนอมเนื้อ ไม่เช่นนั้นเนื้อจะเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ สุภาษิตนี้จึงเตือนให้คนลงมือทำอะไรอย่างจริงจังและเต็มที่ ไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ตัวอย่างการใช้สุภาษิต