Tag: สุภาษิตไทย จ.

  • รู้จักสุภาษิตเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตเจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก หมายถึง สุภาษิต “เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก” หมายถึง ผู้นำไม่ดี ผู้ตามก็พลอยไม่ดีหรือเสียหายไปด้วย หรือเจ้านายมีนิสัยหรือพฤติกรรมเป็นอย่างไร ลูกน้องก็เป็นย่างนั้น หากผู้ที่มีอำนาจหรือเป็นแบบอย่างประพฤติตัวไม่ดี คนใต้บังคับบัญชาหรือผู้ติดตามก็มักจะซึมซับและปฏิบัติตาม ส่งผลให้ทั้งองค์กรหรือกลุ่มได้รับผลกระทบ เปรียบเสมือนวัดที่มีเจ้าอาวาสไม่ดี พระลูกวัดหรือหลวงชีก็อาจประพฤติตามไปด้วย กล่าวคือ “ผู้นำไม่ดี ผู้ตามย่อมไม่ดีตาม” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการเปรียบเปรยลักษณะของผู้นำและผู้ตาม โดยใช้ภาพของวัดเป็นสัญลักษณ์ หากเจ้าอาวาสซึ่งเป็นหัวหน้าของวัดไม่มีระเบียบวินัยหรือประพฤติไม่เหมาะสม หลวงชีหรือพระลูกวัดที่อยู่ภายใต้การดูแลก็มักจะดำเนินรอยตาม ส่งผลให้วัดขาดระเบียบและเสื่อมโทรม สุภาษิตนี้สะท้อนถึงแนวคิดที่ว่าผู้นำมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชา หากผู้นำประพฤติตัวดี มีระเบียบวินัย และทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้ตามก็มักจะทำตาม แต่หากผู้นำขาดคุณธรรมและไม่มีความรับผิดชอบ ผู้ใต้บังคับบัญชาก็อาจประพฤติในทางที่ผิดพลาดหรือไร้ระเบียบไปด้วย สุภาษิตนี้จึงถูกนำมาใช้ในสังคมทั่วไปเพื่อเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของผู้นำที่ดี เพราะพฤติกรรมของหัวหน้าจะส่งผลต่อองค์กรหรือกลุ่มที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตเจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตเจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. เจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด เจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด หมายถึง สุภาษิต “เจ้าไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด” หมายถึง คนที่ไม่มีหลักแหล่ง ไม่มีที่พึ่งพิงที่มั่นคงหรือสถานที่พึ่งพิงแน่นอน เปรียบเสมือนเจ้าที่ไม่มีศาลให้สถิต หรือสมภารที่ไม่มีวัดให้พำนัก มักใช้พูดถึงคนที่เร่ร่อน หรืออยู่ในสภาพไม่แน่นอน ขาดความมั่นคงในชีวิต กล่าวคือ “ผู้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากแนวคิดเรื่องหลักแหล่งและความมั่นคง ซึ่งใช้เปรียบเปรยถึงสถานะของบุคคลที่ไม่มีที่อยู่ถาวรหรือไม่มีที่พึ่งพิงอย่างชัดเจน สุภาษิตนี้จึงถูกใช้ในเชิงเปรียบเปรยถึงคนที่ไม่มีหลักแหล่ง หรือขาดความมั่นคงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านที่อยู่อาศัย อาชีพ หรือสถานะในสังคม บางครั้งอาจหมายถึงคนที่เคยมีอำนาจหรือหน้าที่สำคัญแต่ปัจจุบันกลับไม่มีบทบาทอะไรอีกต่อไป ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตจอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตจอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง หมายถึง สุภาษิต “จอดเรือไม่ดูท่า ขี่ม้าไม่ดูทาง” หมายถึง การกระทำที่ขาดความรอบคอบหรือการไม่ระมัดระวังในการตัดสินใจหรือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดหรือปัญหาตามมา เปรียบเสมือนการจอดเรือโดยไม่ตรวจสอบท่าเรือให้เหมาะสม หรือการขี่ม้าโดยไม่มองทางข้างหน้า ทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายได้ กล่าวคือ กล่าวคือ “การทำอะไรทีไม่ระมัดระวังหรือพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน ซึ่งอาจจะเกิดการเสียหายหรือผิดพลาดขึ้นมาได้” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการเปรียบเปรยการเดินทางหรือการกระทำในชีวิตประจำวันที่ต้องอาศัยความรอบคอบและการพิจารณาสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ก่อนลงมือทำ ในอดีตการเดินทางด้วยเรือและม้าเป็นวิธีการสำคัญ หากจอดเรือโดยไม่ดูท่าว่าปลอดภัยหรือเหมาะสม อาจทำให้เรือล่มหรือเกิดอันตราย เช่นเดียวกับการขี่ม้าโดยไม่ดูเส้นทาง อาจนำไปสู่อุบัติเหตุหรือการหลงทาง สุภาษิตนี้จึงถูกนำมาใช้ในเชิงเตือนสติให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการคิดวางแผนและตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ให้รอบคอบก่อนลงมือทำ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดหรือผลเสียที่อาจเกิดขึ้น ตัวอย่างการใช้สุภาษิต สุภาษิตที่ความหมายคล้ายกัน

  • รู้จักสุภาษิตจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตจับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ จ. จับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา จับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา หมายถึง สุภาษิต “จับแมวแจวเรือ จับเสือไถนา” หมายถึง การมอบหมายงานหรือหน้าที่ให้กับคนหรือสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มักจะไม่ได้ผล เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่หรือความสามารถของสิ่งนั้น เช่นเดียวกับการให้แมวแจวเรือหรือให้เสือไถนา ที่ไม่เหมาะกับลักษณะหรือธรรมชาติของพวกมัน กล่าวคือ “ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้, การใช้คนไม่เหมาะสมกับความสามารถ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการเปรียบเทียบการทำงานของสัตว์กับหน้าที่ที่เหมาะสม เช่น วัวหรือควายเหมาะกับการไถนา แต่หากนำสัตว์อย่างแมวหรือเสือมาทำงานเหล่านี้ เอาแมวไปแจวหรือพายเรือก็คงเป็นไปไม่ได้ พวกมันไม่สามารถทำได้แน่ ๆ เพราะไม่ใช่ธรรมชาติของสัตว์เหล่านั้น สุภาษิตนี้จึงหมายถึง การมอบหมายงานให้คนหรือสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ เปรียบเสมือนการใช้สิ่งที่ไม่ตรงกับความถนัดหรือธรรมชาติของมัน ส่งผลให้งานล้มเหลวหรือไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ตัวอย่างการใช้สุภาษิต