Tag: สุภาษิตไทย ด.

  • รู้จักสุภาษิตดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้ หมายถึง สุภาษิต “ดีชั่วรู้หมด แต่อดไม่ได้” หมายถึง แม้จะรู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิด แต่ก็ยังยับยั้งชั่งใจไม่ได้และทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ดี เปรียบเสมือนคนที่รู้ว่าสิ่งไหนไม่ดีหรือมีผลเสีย แต่ก็ยังทำเพราะความอยาก ความเคยชิน หรือกิเลสที่ควบคุมไม่ได้ สุภาษิตนี้สะท้อนถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่บางครั้งแม้จะมีสติรู้ผิดชอบ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ กล่าวคือ “รู้ว่าความดีเป็นสิ่งดีแต่ก็ไม่ทำ รู้ว่าความชั่วเป็นสิ่งไม่ดีแต่ก็ยังไปทำ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มีที่มาจากหลักคำสอนทางพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงกิเลส (ตัณหาและอุปาทาน) ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดขวางการควบคุมตนเอง แม้มนุษย์จะมีสติปัญญารู้ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี แต่ก็ยังถูกครอบงำด้วยความโลภ ความโกรธ และความหลง ทำให้ไม่สามารถหักห้ามใจได้ แนวคิดนี้คล้ายกับหลักธรรมเรื่องอกุศลมูล (รากเหง้าของความชั่ว) ซึ่งได้แก่โลภะ (ความอยาก), โทสะ (ความโกรธ), และโมหะ (ความหลง) คนที่ติดอยู่ในกิเลสมักรู้ว่าสิ่งใดเป็นบาปหรือให้โทษ แต่เพราะแรงผลักดันจากกิเลส จึงยังคงกระทำสิ่งนั้นต่อไป เปรียบได้กับคนที่รู้ว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดี แต่ยังโกหกเพื่อผลประโยชน์ รู้ว่าการกินมากเกินไปจะทำให้สุขภาพเสีย แต่ยังอดไม่ได้ที่จะกิน หรือรู้ว่าการเล่นการพนันมีแต่เสีย แต่ก็ยังไม่สามารถเลิกได้ สุภาษิตนี้จึงเป็นคำเตือนให้ รู้จักฝึกจิตใจและควบคุมกิเลส ไม่ให้ความอยากมาทำลายสติและศีลธรรมของตนเอง ที่มาของสุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว หมายถึง สุภาษิต “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว” หมายถึง ความดีหรือความชั่วเกิดจากการกระทำของตนเอง เช่นเดียวกับความเจริญก้าวหน้าหรือความตกต่ำ ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและการวางตัวของแต่ละคน เปรียบเสมือน คนที่ขยัน ซื่อสัตย์ และมีความพยายาม ย่อมประสบความสำเร็จ ส่วนคนที่เกียจคร้านหรือทำผิด ย่อมพบกับความล้มเหลว กล่าวคือ “ใครทำอย่างไรไว้ ก็จะได้อย่างนั้น ผลทุกอย่างย่อมมาจากเหตุเสมอ ทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มีที่มาจากหลักคำสอนทางพุทธศาสนา ที่เน้นเรื่องกฎแห่งกรรม หรือการกระทำเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์ของชีวิต พระพุทธเจ้าสอนว่า “กมฺมุนา วตฺตตี โลโก” ซึ่งหมายถึง “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” หมายความว่า คนเราจะดีหรือชั่ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชาติกำเนิดหรือโชคชะตา แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง หลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับสุภาษิตนี้ ได้แก่ กัมมวาทะ ซึ่งสอนว่าบุคคลเป็นผู้รับผลของกรรมตนเอง หากทำดี ย่อมได้รับผลดี หากทำชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว เช่นเดียวกับความสูงต่ำของชีวิต ขึ้นอยู่กับการวางตัวและความประพฤติของแต่ละบุคคล สุภาษิตนี้จึงเป็นคำสอนให้ตระหนักว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการกระทำของตัวเราเอง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต สุภาษิตที่ความหมายคล้ายกัน

  • รู้จักสุภาษิตได้ดีเพราะปาก ได้ยากเพราะคำ ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตได้ดีเพราะปาก ได้ยากเพราะคำ ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ได้ดีเพราะปาก ได้ยากเพราะคำ ได้ดีเพราะปาก ได้ยากเพราะคำ หมายถึง สุภาษิต “ได้ดีเพราะปาก ได้ยากเพราะคำ” หมายถึง คำพูดมีผลต่อชีวิต หากพูดดี มีวาทศิลป์ รู้จักพูดให้เหมาะสม ย่อมได้รับโอกาสที่ดี แต่หากพูดไม่คิด พูดในทางเสียหาย ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาและอุปสรรค เปรียบเสมือนคนที่รู้จักใช้คำพูดให้เกิดประโยชน์ ย่อมได้รับความเมตตาและโอกาส ส่วนคนที่พูดโดยไม่ระวัง อาจทำให้ตัวเองเดือดร้อนและเสียโอกาส กล่าวคือ “การให้คิดก่อนพูด รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มีรากฐานมาจากหลักคิดของวาทศิลป์และการใช้คำพูดให้เกิดประโยชน์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในวรรณกรรมจีนเรื่อง “สามก๊ก” ที่แสดงให้เห็นว่าคำพูดสามารถนำพาทั้งความเจริญรุ่งเรืองและความล่มสลายได้ รากฐานไม่แน่ชัดเจนว่ามาจากไหนแต่คาดว่าอาจมาจากวรรณกรรมสามก๊กการใช้ทั้งคำพูดมีทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของคำพูดที่ส่งผลต่อชะตากรรมของบุคคล ขงเบ้งใช้วาทศิลป์โน้มน้าวให้เล่าปี่รับตนเป็นกุนซือ และยุแยงให้ซุนกวนร่วมรบกับโจโฉจนได้รับชัยชนะ, สุมาอี้ใช้คำพูดอย่างสุขุมเพื่อรักษาอำนาจและรอเวลายึดแผ่นดิน, ส่วนซุนกวนก็เป็นนักการทูตที่ใช้วาจารักษาสมดุลอำนาจ ทำให้อาณาจักรง่ออยู่ได้นาน, ในทางกลับกันเตียวหุยพูดจารุนแรงจนถูกลูกน้องสังหาร, จิวยี่โกรธขงเบ้งจนตรอมใจตาย, และอ้องอุ้นพูดตรงเกินไปจนถูกโจโฉประหาร, สุภาษิตนี้จึงเป็นคำสอนว่าการรู้จักพูดให้ถูกที่ถูกเวลา สามารถนำพาความสำเร็จมาได้ ในขณะที่คำพูดที่ไม่ระมัดระวังอาจนำหายนะมาสู่ตนเอง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตดักลอบหมั่นกู้ เจ้าชู้หมั่นเกี้ยว ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตดักลอบหมั่นกู้ เจ้าชู้หมั่นเกี้ยว ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ด. ดักลอบหมั่นกู้ เจ้าชู้หมั่นเกี้ยว ดักลอบหมั่นกู้ เจ้าชู้หมั่นเกี้ยว หมายถึง สุภาษิต “ดักลอบหมั่นกู้ เจ้าชู้หมั่นเกี้ยว” หมายถึง การรู้จักเอาใจใส่และขยันหมั่นเพียรในสิ่งที่ทำ ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จ เปรียบเสมือน การดักลอบจับปลา หากไม่หมั่นกู้ปลาออกจากลอบ ปลาอาจเน่าตายเสียก่อน และการเกี้ยวพาราสี หากไม่ใส่ใจและสม่ำเสมอ ย่อมยากจะพิชิตใจอีกฝ่าย สุภาษิตนี้สอนให้ ลงมือทำอย่างต่อเนื่องและใส่ใจในสิ่งที่ทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืน กล่าวคือ “การทำสิ่งใดให้สำเร็จ ต้องใช้ความพยายามต่อเนื่องและความสม่ำเสมอ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากวิถีชีวิตของชาวไทยในอดีตที่พึ่งพาการจับปลาเป็นอาชีพ โดยเฉพาะการใช้ “ลอบ” ซึ่งเป็นเครื่องมือดักปลา คำว่า “กู้” หมายถึง การเก็บปลาจากลอบ หากผู้ดักปลาไม่หมั่นไปกู้ลอบเป็นประจำ ปลาที่ติดอยู่ในลอบอาจตายและเน่าเสีย ทำให้เสียโอกาส แนวคิดนี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการแสดงความรักและความเจ้าชู้ หากชายหนุ่มต้องการพิชิตใจหญิงสาว ก็ต้องหมั่นเกี้ยวพาราสี เอาใจใส่ และแสดงความจริงใจอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับการดักลอบ หากไม่ขยันและใส่ใจ ก็อาจพลาดโอกาสไป สุภาษิตนี้จึงเป็นคำสอนให้ ขยัน อดทน และเอาใจใส่ในสิ่งที่ทำ เพราะความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการกระทำเพียงครั้งเดียว แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความตั้งใจจริง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต