Tag: สุภาษิตไทย ผ.
-
รู้จักสุภาษิตผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน หมายถึง สุภาษิต “ผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน” หมายถึง คนที่ไม่เคยทำงานหนัก ไม่เคยผ่านความยากลำบาก มักใช้ชีวิตสบาย ไม่เต็มใจลำบากเหมือนคนธรรมดา เปรียบเสมือนผู้ดีที่ฝ่าเท้าแดงอ่อนนุ่ม เส้นเลือดเห็นชัด เวลาเดินบนพื้นดินต้องตะแคงตีนเพราะกลัวเปื้อนเท้า เพราะไม่เคยทำงานหนักหรือเดินบนพื้นดิน แตกต่างจากคนทำงานหนักฝ่าเท้าดำหยาบกร้านเหยียบดินอยู่ตลอด กล่าวคือ “คนที่ไม่เคยชินกับการทำงานหนัก ไม่เคยผ่านความยากลำบาก” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการสังเกตพฤติกรรมของผู้ดีในสมัยก่อน ผู้ดีมักไม่ต้องทำงานหนัก ใช้ชีวิตสบาย อยู่บนเรือนสั่งการข้ารับใช้ ฝ่าเท้าจึงเรียบเนียน มีสีแดงนวล แตกต่างจากฝ่าเท้าของข้ารับใช้ที่หยาบกร้านและสกปรกเพราะทำงานบนดินเปื้อนฝุ่น เมื่อผู้ดีต้องลงมาเดินบนพื้นดิน ฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่มไม่คุ้นกับพื้นดินจึงทำให้ต้องเดินตะแคงตีนเดิน เพราะไม่ชินและกลัวเลอะกลัวเปื้อนเท้า สุภาษิตนี้มักถูกใช้ในเชิงประชดประชันหรือเหน็บคนที่ไม่เคยทำงานหนัก เอาแต่สบาย ชีวิตเรียบง่ายเกินไป หรือทำตัวเอาแต่สบายโดยไม่เคยลุยงานหนักเหมือนคนทั่วไป ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
-
รู้จักสุภาษิตแผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมดวหมู่ ผ. แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา หมายถึง สุภาษิต “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา” หมายถึง แม้บางโอกาสจะพลาดหรือสูญเสียไป ยังมีทางเลือกและทรัพยากรใหม่ให้เริ่มต้นหรือค้นหาใหม่ได้เสมอ เปรียบเสมือนแผ่นดินกว้างใหญ่ก็ยังเจอใบพุทราเสมอ โดยใบพุทราที่เจอทั่วไปสื่อถึงการที่ยังสามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้เสมอ กล่าวคือ “แผ่นดินนี้กว้างใหญ่นัก ยังสามารถแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้เสมอ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต สุภาษิตนี้มีรากมาจากสำนวนโบราณที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินและโอกาสที่ไม่เคยหมดไป เดิมใช้คำว่า “ใบหญ้า” เพื่อเปรียบว่าแผ่นดินนี้ยังเต็มไปด้วยต้นหญ้าอีกมาก ดังปรากฏในกลอนสมัยอยุธยา: “แผ่นดินฤาจะไร้เส้นหญ้าคิดมาก็น่าใคร่หัวอย่ามาข่มเหงให้ใครกลัวไม่เสียตัวแก่เจ้าใยดี” กลอนนี้สื่อความว่า แม้โลกนี้จะมีปัญหา แต่โอกาสและความอุดมสมบูรณ์ยังมีอยู่ ไม่ควรกลัวหรือกังวลจนเกินเหตุ และอย่าให้อำนาจคนไม่ดีมาทำร้ายเรา ต่อมา สำนวนเปลี่ยนจาก “ใบหญ้า” เป็น “ใบพุทรา” เพราะใบพุทราเป็นพืชที่รู้จักกันทั่วไป งอกงามได้ดีในป่าและริมถนน ฟังดูคุ้นตาและสมบูรณ์กว่าใบหญ้า จึงกลายเป็น “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา” แก่นแท้ของสุภาษิตนี้ก็คือโลกนี้กว้างใหญ่ โอกาสยังมีอยู่เสมอ ดั่งเช่นใบพุทราที่พบเจอได้อีกเสมอ ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
-
รู้จักสุภาษิตผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน หมายถึง สุภาษิต “ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน” หมายถึง คนดีต้องถอยตัว หลบไปใช้ตรอกซอกซอยเพราะไม่กล้าแสดงตน ขณะที่คนชั่วกลับกร่างและอวดอำนาจอยู่บนถนนใหญ่ ทำให้คนดีต้องหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาความสงบ เปรียบเสมือนผู้ดีต้องเดินตามตรอกซอกซอยเพื่อหลบผู้ชั่ว ขณะที่คนชั่วเดินเต็มถนนใหญ่ แสดงความกร่างและอำนาจบาตรใหญ่ ทำให้คนดีต้องหลีกทาง กล่าวคือ “การที่คนดีได้ชั่ว คนชั่วได้ดี คนดีต้องหลบลี้หนีหน้า คนชั่วลอยหน้าลอยตา” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการความเปลี่ยนแปลงของสังคมในสมัยก่อน ที่สื่อถึงผู้ดีถือเป็นคนชั้นสูง เป็นคนใหญ่โตและควรเดินบนถนนใหญ่ตามสมควร ส่วนขี้ครอกซึ่งเป็นคนชั้นต่ำไม่ดี ต้องเดินตามตรอกซอกซอย ไม่ปะปนกับผู้ดี (คนดีไม่มีถนนเดิน ต้องเดินตามตรอกตามซอย ส่วนคนไม่ดีก็ทำตัวกร่างเดินกร่งกันเต็มถนน) แต่ตามธรรมชาติของโลก ย่อมมีวันเวลาที่เปลี่ยนแปลง ในบางโอกาส ผู้ดีอาจต้องหลบไปเดินตามตรอกซอย ขณะที่คนชั่วหรือขี้ครอกกลับกร่างออกมาเดินบนถนนใหญ่ แสดงตนและอวดอำนาจ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นความไม่แน่นอนของสังคม และเป็นคำเตือนให้ผู้ดีระมัดระวังตนเอง และรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ ตัวอย่างการใช้สุภาษิต
-
รู้จักสุภาษิตผีเรือนไม่ดี ผีป่าก็พลอย ที่มาและความหมาย
สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ผ. ผีเรือนไม่ดี ผีป่าก็พลอย ผีเรือนไม่ดี ผีป่าก็พลอย หมายถึง สุภาษิต “ผีเรือนไม่ดี ผีป่าก็พลอย” หมายถึง เมื่อคนในบ้านหรือคนใกล้ตัวไม่ดี ก็อาจชักนำให้คนนอกหรือสิ่งรอบข้างเข้ามาก่อความเดือดร้อนหรือสร้างความเสียหายด้วย แม้คนอื่นจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง เปรียบเสมือนผีบ้านผีเรือนไม่ดีแทนที่จะทำหน้าที่ปกป้องบ้าน กลับทำให้ผีป่าหรือผีภายนอกเข้ามาในบ้านมาซ้ำเติม สร้างความเดือดร้อนแทนที่จะคุ้มครอง กล่าวคือ “คนในบ้านไม่ดีชักนำให้คนนอกบ้านเข้ามาทำความเดือดร้อน หรือความเสียหายได้” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากความเชื่อโบราณเกี่ยวกับผีบ้านผีเรือน ซึ่งเป็นผีที่คอยคุ้มครองบ้านและสมาชิกในครอบครัว หากคนในบ้านประพฤติไม่ดี หรือทำเรื่องไม่เหมาะสม ก็อาจชักนำให้คนนอกบ้านหรือสิ่งรอบข้างเข้ามาก่อความเดือดร้อนหรือสร้างความเสียหาย ด้วย เช่นเดียวกับผีบ้านที่ไม่ดี ทำให้ผีป่าหรือสิ่งภายนอกเข้ามาซ้ำเติมในบ้านแทนที่จะปกป้องบ้าน จึงเป็นคำเตือนให้ระวังผลกระทบจากคนใกล้ตัว คนสมัยก่อนจึงใช้สุภาษิตนี้เตือนให้ระวังผลกระทบที่เกิดจากคนใกล้ตัวหรือสมาชิกในบ้านที่ประพฤติไม่ถูกต้อง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต