Tag: สุภาษิตไทย ฟ.

สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฟ. ฟ้าไม่กระเทือนสันหลัง ฟ้าไม่กระเทือนสันหลัง หมายถึง สุภาษิต “ฟ้าไม่กระเทือนสันหลัง” หมายถึง อำนาจเบื้องบน (เช่น เทพเจ้า โชคชะตา ฯลฯ) หรือผู้มีอำนาจ (ผู้ปกครอง) ยังไม่ลงโทษทัณฑ์ หรือยังไม่แสดงความเดือดร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าฟ้าไม่กระเทือนสันหลังก็ยังไม่รู้สึกนั่นเอง มักใช้เปรียบเทียบคนที่ดื้อรั้น หัวรั้น หรือทำผิดจนถึงขั้นต้องโดนลงโทษอย่างหนักถึงจะสำนึกได้แสดงถึงการเพิกเฉยหรือยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องรับผลกรรมหนัก จากการกระทำของตน เปรียบเสมือนการที่คนทำผิดนั้นยังไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ หรือไม่สะทกสะท้านกระเทือนถึงสันหลังเลย ยังคงนิ่งเฉย เพราะยังไม่ได้รับผลกรรมหนักจริง ๆ กล่าวคือ “ผู้มีอำนาจ หรือผู้ปกครองยังไม่กำหนดลงโทษทัณฑ์” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการสร้างภาพเปรียบเทียบระหว่างอำนาจสูงสุดของธรรมชาติกับความรู้สึกของมนุษย์ โดย “ฟ้า” ถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของ อำนาจเบื้องบน ที่สามารถลงโทษทัณฑ์หรือนำมาซึ่งผลกรรมร้ายแรง ส่วน “สันหลัง” ในที่นี้เปรียบเสมือนจิตสำนึกหรือจุดรับความสะทกสะท้าน ของบุคคล สุภาษิตนี้จึงสื่อว่าตราบใดที่อำนาจเบื้องบนยังไม่แสดงโทษทัณฑ์ออกมาอย่างรุนแรง หรือ ยังไม่ได้รับผลกรรมที่หนักหนาจริง ๆ คนที่ทำผิดคนนั้นก็จะ ยังคงนิ่งเฉย ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน หรือ ไม่สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งแสดงถึงการดื้อรั้นและการเพิกเฉยต่อความผิดของตนเองอย่างรุนแรงค่ะ ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ฟ. ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด หมายถึง สุภาษิต “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” หมายถึง คนที่ฟังหรือเข้าใจสิ่งที่พูดไม่ถูกต้อง นำไปตีความหรือทำตามอย่างผิด ๆ จนเกิดความเสียหายหรือผลลัพธ์ผิดเพี้ยนไป เปรียบเสมือนข้อมูลหรือคำพูดที่ถูกส่งต่อไปแล้วถูกบิดเบือน จนกลายเป็นเรื่องผิดเพี้ยนหรือสร้างปัญหา กล่าวคือ “ฟังความไม่ชัดเจน แล้วนำไปพูดต่อ หรือทำผิด ๆ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากคำพูดสองประโยคที่รวมกัน โดยหมายถึงการที่ผู้ฟังไม่ได้ฟังความหมายให้ครบถ้วนหรือเข้าใจผิด เมื่อนำไปปฏิบัติหรือเล่าให้คนอื่นฟัง สิ่งที่ทำหรือสื่อออกมาก็มัก ผิดเพี้ยนไป คำว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์” หมายถึง ฟังสิ่งที่พูดหรือถ่ายทอดมาไม่ครบถ้วน เข้าใจเพียงบางส่วน หรือเข้าใจผิด ทำให้ได้ความหมายไม่ตรงกับต้นฉบับ คำว่า “จับไปกระเดียด” หมายถึง ถึงการที่ผู้รับฟังนำสิ่งที่ฟังมาไปปฏิบัติหรือเผยแพร่ต่อ แต่ด้วยความเข้าใจผิด จึงเหมือน “โยนไปให้ผิดทิศผิดทาง” ทำให้ผลลัพธ์เพี้ยนหรือเสียหายไปจากเจตนาเดิม สุภาษิตนี้จึงเป็นคำเตือนให้ระมัดระวังการฟัง การเข้าใจ และการถ่ายทอดข้อมูลหรือคำพูด ไม่ให้เกิดการบิดเบือน ตัวอย่างการใช้สุภาษิต