Tag: สุภาษิตไทย ม.

  • รู้จักสุภาษิตมีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตมีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว หมายถึง สุภาษิต “มีทองเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรือนไหว” หมายถึง คนที่มีทรัพย์สมบัติเพียงเล็กน้อย แต่กลับมีความหวาดระแวงและกังวลอย่างหนักว่าทรัพย์สินที่มีอยู่นั้นจะสูญหายหรือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต กังวัลจนนอนไม่หลับเพราะกลัวทรัพย์สินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต เปรียบเสมือนคนที่มีทรัพย์สินหรือสมบัติอันมีค่าเพียงเล็กน้อย (มีทองเท่าหนวดกุ้ง) แต่กลับนอนไม่กลับเพราะกังวลอย่างมาก (นอนสะดุ้งจนเรือนไหว) กลัวว่าสมบัตินั้นจะประทังชีวิตพอหรือไม่ กล่าวคือ “มีสมบัติเพียงเล็กน้อย แต่กังวลจนนอนไม่หลับ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ใจของคนที่มีทรัพย์สินน้อยมาก โดยที่ “ทองเท่าหนวดกุ้ง” สื่อถึงการมีทรัพย์สมบัติเพียงน้อยนิดแทบไม่พอประทังชีวิต ส่วน “นอนสะดุ้งจนเรือนไหว” ไม่ได้สื่อถึงความหวงแหนเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง ความกังวลอย่างรุนแรงจนนอนไม่หลับ หรือหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ว่าสมบัติชิ้นเล็ก ๆ ที่มีอยู่นี้จะหายไป หรือไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในวันข้างหน้า ซึ่งความกังวลนี้มีผลกระทบทางจิตใจรุนแรงเกินกว่าขนาดของทรัพย์สินที่เล็กน้อยนั้นจะนำมาเปรียบได้ ดังนั้น ที่มาของสุภาษิตจึงต้องการสื่อถึงสภาวะที่คนมีน้อยจึงยิ่งกังวลอย่างหนักว่าตนจะขาดแคลนจนไม่เป็นอันหลับอันนอน ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตแม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตแม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. แม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก แม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก หมายถึง สุภาษิต “แม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก” หมายถึง การที่คนกลาง (แม่สื่อ/แม่ชัก) ซึ่งทำหน้าที่ติดต่อหรือประสานงานความรักให้กับผู้อื่น แต่ท้ายที่สุดกลับลงเอยเป็นคู่รักหรือคู่ครองกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเอง เปรียบเสมือนความผูกพันที่แม่สื่อมีต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนไม่สามารถหลุดพ้นจากความสัมพันธ์นั้นได้ (เหมือนผูกวัวไว้กับหลัก และมันก็เดินแค่วนรอบหลัก) สื่อถึงการที่คนกลางเปลี่ยนสถานะไปเป็นคู่รักเสียเอง โดยความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความใกล้ชิดและการพัวพันกันตลอดระยะเวลาที่ทำหน้าที่ประสานงาน กล่าวคือ “ผู้หญิงที่เป็นแม่สื่อติดต่อให้ชายหญิงรักกันไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ได้แต่งงานกับชายคนนั้นเอง” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการหาคู่หรือการสู่ขอในอดีต ซึ่งบางครั้งมีคนกลางที่เรียกว่าแม่สื่อแม่ชัก (ใช้กับผู้หญิง) ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานระหว่างสองฝ่าย สุภาษิตนี้เปรียบเทียบสถานการณ์ที่คนกลางพยายามทำหน้าที่ของตนเพื่อเชื่อมโยง “ฝ่ายหญิง” (คนที่เป็นเป้าหมายหลักในการแต่งงาน) แต่เมื่อทำไม่สำเร็จไม่สามารถทำให้รักกันได้หรือเกิดเหตุการณ์ที่คนกลางนั้นถูกใจฝ่ายชายเสียเอง ก็เลยเปรียบเปรยถึง “เอาวัวพันหลัก” หมายถึง วัวที่ถูกผูกกับหลักไว้ จะไปไหนไม่ได้นอกจากเดินวนรอบหลักนั้น เปรียบเสมือนแม่สื่อที่พัวพันกับชายหนุ่มจนเกิดความผูกพันและไม่สามารถหลุดพ้นจากหลักนั้นได้ ดังนั้นความหมายจึงเน้นไปที่การที่คนกลางเปลี่ยนสถานะไปเป็นผู้เล่นเอง โดยได้ประโยชน์หรือคู่ครองไปเสียเอง แทนที่จะทำให้เป้าหมายหลักบรรลุผล ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา หมายถึง สุภาษิต “ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา” หมายถึง เมื่อไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้ด้วยวิธีการปกติ ก็ต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อน หรือวิธีการที่ผิดปกติและนอกกรอบ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา (การใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้สำเร็จ) ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี แต่มักกับการกระทำที่มีลักษณะไม่ซื่อ หรือการกระทำด้วยวิธีที่ไม่ดี เปรียบเสมือนการใช้ทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายให้จงได้ โดยเริ่มจาก การใช้ปัญญาและไหวพริบ (เล่ห์/กล) และถ้ายังไม่สำเร็จ ก็จะเปลี่ยนไปสู่วิธีการที่เหนือธรรมชาติหรือวิธีการที่ผิดปกติและนอกกรอบ (มนต์/คาถา) เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาให้ได้ กล่าวคือ “ผู้ที่ต้องการเอาชนะผู้อื่นให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คือถ้าทำวิธีแรกไม่สำเร็จ ก็จะหาพยายามใช้วิธีที่สอง ถ้าวิธีที่สองไม่ได้อีก ก็จะหาทางอื่น ๆ เพื่อให้สำเร็จให้ได้” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากความเชื่อของคนไทยสมัยก่อน และการใช้ชุดคำที่มีความหมายคล้ายกันมาคู่กันเพื่อสื่อถึงการใช้ทุกวิถีทางที่มี ในการบรรลุเป้าหมาย โดยเป็นการแสดงลำดับขั้นของการพยายาม “เล่ห์กล” หรือการใช้สติปัญญาไหวพริบ ซึ่งเป็นวิธีการตามโลกมนุษย์ หากวิธีการเหล่านี้ไม่ได้ผล ไม่สามารถได้สิ่งที่ต้องการมา ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปพึ่ง “มนต์” และ “คาถา” ซึ่งสื่อถึงอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือวิธีการที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ปกติ สุภาษิตนี้จึงเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะต้องได้สิ่งที่ปรารถนามาให้จงได้ โดยเป็นการขยายขอบเขตวิธีการออกไปอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ชาญฉลาดหรือวิธีที่ผิดปกติและเหนือธรรมชาตินั่นเอง…

  • รู้จักสุภาษิตมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก หมายถึง สุภาษิต “มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก” หมายถึง การพูดจาตลบตะแลง พลิกแพลง จนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน หรือคนที่พูดจาไม่น่าเชื่อถือ พูดกลับกลอกไปมา เปรียบเสมือนคนคล่องแคล่วว่องไวในการหลบหลีกจนไม่โดนผลมะกอก แม้จะมีอยู่ถึงสามตะกร้าก็ไม่ปาถูกตัวเลย เปรียบกับคำพูดที่พลิกแพลงจนจับความจริงไม่ได้ กล่าวคือ “คนที่พูดจาตลบตะแลงเลี่ยงหลบไปมาจนจับไม่ทัน กลับกลอกไปมา” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการละเล่นของคนสมัยโบราณ โดยมีการใช้ผลมะกอก เป็นอุปกรณ์ในการขว้างเพื่อให้โดนตัวผู้เล่น ซึ่งผู้เล่นที่ถูกขว้างจะต้องมีความคล่องแคล่ว ว่องไว และ ความสามารถในการหลบหลีก ผลมะกอกเหล่านั้นได้อย่างแนบเนียน แม้ว่าจะมีผลมะกอก (สามตะกร้า) จำนวนมากก็ตาม การที่ผู้เล่นสามารถหลบหลีกได้จนไม่โดนปาถูกตัว จึงถูกนำมาเปรียบเทียบเป็นสุภาษิตที่หมายถึงการพูดจาที่ตลบตะแลง พลิกแพลง ได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด จนกระทั่งจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน หรือไม่สามารถหาข้อเท็จจริงมาหักล้างได้เลย ถือเป็นสุภาษิตที่มีใช้มานานตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตมากขี้ควาย หลายขี้ช้าง ที่มาและความหมาาย

    รู้จักสุภาษิตมากขี้ควาย หลายขี้ช้าง ที่มาและความหมาาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มากขี้ควาย หลายขี้ช้าง มากขี้ควาย หลายขี้ช้าง หมายถึง สุภาษิต “มากขี้ควาย หลายขี้ช้าง” หมายถึง สิ่งที่มีมากจนล้นเหลือ แต่เป็นของที่ไม่มีค่า ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเป็นของที่ไม่มีแก่นสาร เปรียบเสมือนการมีมูลสัตว์ (อย่างขี้ควาย ขี้ช้าง) จำนวนมหาศาล ซึ่งแม้จะมีปริมาณมาก แต่ก็เป็นของเสียที่ไม่ได้มีประโยชน์หรือสร้างมูลค่าได้จริงในทันที กล่าวคือ “สิ่งที่มีอยู่มากมายก่ายกองแต่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ กลายเป็นสิ่งไร้ค่า” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากภาพเปรียบเทียบเชิงโดยใช้มูลของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่คือควายและช้าง มาเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มีจำนวนมากแต่ไร้ค่า ในมุมมองของคนสมัยก่อนขี้ควายและขี้ช้าง แม้จะมีปริมาณมากและหาง่าย แต่ก็เป็นเพียงของเสียที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการดำรงชีวิตในทันที (นอกจากใช้เป็นปุ๋ยซึ่งต้องผ่านกระบวนการ) การกล่าวว่ามี “มากขี้ควาย” และ “หลายขี้ช้าง” จึงเป็นการเน้นย้ำว่า แม้จะมีสิ่งนั้นอยู่มากมายมหาศาล แต่สิ่งที่ได้มานั้นกลับเป็นของที่ไม่มีแก่นสาร ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือสร้างมูลค่าได้จริง สุภาษิตนี้จึงใช้เพื่อตำหนิคนที่สะสมสิ่งของที่มีจำนวนมากแต่เป็นสิ่งไร้ค่า หรือคนที่มีความรู้มากแต่ไม่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงนั่นเอง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตมือถือสาก ปากถือศีล ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตมือถือสาก ปากถือศีล ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มือถือสาก ปากถือศีล มือถือสาก ปากถือศีล หมายถึง สุภาษิต “มือถือสาก ปากถือศีล” หมายถึง ผู้ที่มีความประพฤติไม่ดี แต่แสร้งทำเป็นดี หรือเสแสร้งแสดงตนว่าเป็นคนมีศีลธรรม เป็นการประพฤติที่ดีแต่พูดแต่การกระทำสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เปรียบเสมือนการที่มือถือ “สาก” (สัญลักษณ์ของการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์) ในขณะที่ปากพูดแต่เรื่อง “ศีลธรรม” ซึ่งแสดงถึงการกระทำที่สวนทางกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง (หน้าไหว้หลังหลอก) กล่าวคือ “คนที่แสดงตัวว่าเป็นผู้มีศีลธรรม แต่แท้จริงแล้วกลับประพฤติชั่ว” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต จากภาพเปรียบเทียบที่เห็นความขัดแย้งกันอย่างชัดเจนระหว่างสิ่งที่แสดงออกด้วยคำพูด กับสิ่งที่ปฏิบัติด้วยการกระทำ โดย “ปากถือศีล” สื่อถึงการแสดงออกภายนอกที่พูดจาแต่เรื่องศีลธรรม หลักธรรม หรือสิ่งที่ดีงาม ทำให้ดูเป็นคนดีน่าเคารพ แต่ในขณะเดียวกัน “มือถือสาก” นั้น สากถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ของการทำกิจทางโลกที่หยาบคาย หรือการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งสวนทางกับคำพูดที่ดีงามนั้นอย่างสิ้นเชิง การที่คนคนหนึ่งพูดแต่เรื่องศีลธรรมแต่กลับมีสากอยู่ในมือ จึงเป็นการเสียดสีและตำหนิ คนประเภทที่หน้าไหว้หลังหลอกหรือดีแต่พูด โดยที่การกระทำจริง ๆ นั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตนเองพูดอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างการใช้สุภาษิต

  • รู้จักสุภาษิตมือใครยาวสาวเอาสาวเอา ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตมือใครยาวสาวเอาสาวเอา ที่มาและความหมาย

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มือใครยาวสาวเอาสาวเอา มือใครยาวสาวเอาสาวเอา หมายถึง สุภาษิต “มือใครยาวสาวเอาสาวเอา” หมายถึง การถือโอกาสฉกฉวยเอาประโยชน์ส่วนตัวอย่างไม่ละอาย หรือการแย่งชิงผลประโยชน์มาเป็นของตนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ความเหมาะสม หรือผลกระทบต่อผู้อื่น เปรียบเสมือนคนที่ “มือยาว” (หมายถึง มีอิทธิพล มีอำนาจ มีโอกาส หรือเข้าถึงได้ง่าย) ย่อมจะสามารถ “สาวเอา” (ดึงหรือหยิบฉวย) สิ่งของนั้นมาเป็นของตนเองได้อย่างเต็มที่ กล่าวคือ “ต่างคนต่างรุมแย่ง เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง โดยไม่นึกถึงคนอื่น คิดเอาแต่ได้โดยไม่สนใจวิธีการที่จะทำให้ได้มา” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากการเปรียบการแย่งชิงหรือการถือโอกาสฉกฉวยผลประโยชน์ ในสังคม โดยอาศัยความได้เปรียบ ในทางกายภาพ มือยาว หมายถึง การเข้าถึงสิ่งของได้ก่อนใคร แต่ในบริบทของสุภาษิต “มือยาว” ถูกนำมาเปรียบเปรยถึง อำนาจ อิทธิพล หรือโอกาส ในการเข้าถึงผลประโยชน์หรือตำแหน่งต่าง ๆ ส่วนคำว่า “สาวเอาสาวเอา” เป็นการเน้นย้ำถึง การฉกฉวยอย่างไม่ยั้งมือ หรือการกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สุภาษิตนี้จึงสร้างภาพให้เห็นถึงคนที่มีอำนาจหรือความได้เปรียบ ที่ใช้ช่องทางนั้นในการกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างเต็มที่ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องหรือผลกระทบต่อส่วนรวม และใช้ตำหนิคนที่เห็นแก่ตัวเป็นหลัก…

  • รู้จักสุภาษิตมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก

    รู้จักสุภาษิตมั่งมีในใจ แล่นใบบนบก

    สุภาษิตไทยหมวดหมู่ ม. มั่งมีในใจ แล่นใบบนบก มั่งมีในใจ แล่นใบบนบก หมายถึง สุภาษิต “มั่งมีในใจ แล่นใบบนบก” หมายถึง คนที่นึกคิดหรือวาดฝันว่าตนเองร่ำรวย มีฐานะดี มีความสุขสบาย หรือประสบความสำเร็จอย่างใหญ่โตอยู่ในใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับไม่มีทรัพย์สินเงินทองหรือความสำเร็จอะไรเลย สุภาษิตนี้ใช้ตำหนิคนที่ชอบ เพ้อฝัน หรือ ฝันกลางวัน โดยไม่ลงมือทำอะไรเพื่อให้ความฝันนั้นเป็นจริงค่ะ เปรียบเสมือนการมีสมบัติและเงินทองอยู่ในจินตนาการเท่านั้น และการที่เรือใบจะต้องแล่นบนบก แทนที่จะเป็นในน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง สื่อถึงความเพ้อฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง กล่าวคือ “คนที่คิดฝันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพ้อฝันไปเรื่อย, สร้างวิมานในอากาศ” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากจากภาพเปรียบเทียบของสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จริง โดยมีสององค์ประกอบที่อยู่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ส่วนแรกคือ “มั่งมีในใจ” ซึ่งสื่อถึงความร่ำรวย หรือความสุขสบาย ที่บุคคลนั้น ๆ สร้างขึ้นมาอยู่ในโลกของความคิด จินตนาการ หรือความฝัน ของตนเองเท่านั้น โดยขาดทรัพย์สมบัติหรือความสำเร็จในชีวิตจริง ส่วนที่สองคือ “แล่นใบบนบก” ซึ่งสร้างภาพของ เรือใบ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแล่นไปบนผิวน้ำ แต่กลับพยายามจะแล่นอยู่บนพื้นดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติ เป็นไปไม่ได้ และไร้สาระ…

  • รู้จักสุภาษิตมะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี ที่มาและความหมาย

    รู้จักสุภาษิตมะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี ที่มาและความหมาย

    สำนวนไทยหมวดหมู่ ม. มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี หมายถึง สุภาษิต “มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี” หมายถึง คนที่ไม่เคยมี ไม่เคยได้ เมื่อได้หรือมีในสิ่งที่ตนปรารถนาเพียงเล็กน้อย ก็แสดงอาการเห่อ ดีใจ หรือตื่นเต้นจนเกินเหตุ เปรียบเสมือนมะพร้าวที่นาน ๆ จะออกผลดกสักครั้ง และยาจก (คนยากจน) ที่นาน ๆ จะได้ทรัพย์สินเงินทองสักครั้ง ซึ่งทั้งสองกรณีนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้เกิดอาการแสดงออกที่เกินกว่าเหตุ กล่าวคือ “อาการผู้ที่เห่อหรือตื่นเต้นในสิ่งที่ตนไม่เคยมีไม่เคยได้จนเกินพอดี” นั่นเอง ที่มาของสุภาษิต มาจากวิสัยปกติของต้นมะพร้าวที่แม้จะออกผลตลอดปี แต่การที่มันออกผลดกมากผิดปกติ จนน่าตื่นใจนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติวิสัย ตามธรรมชาติของมะพร้าวจะออกจั่นประมาณ 8-10 จั่นเท่านั้น และแต่ละจั่นจะเติบโตกลายมาเป็นทะลายไม่ถึง 10 ทะลาย “ยาจกตื่นมี” นั้นสื่อถึง คนยากจน ที่ไม่เคยมีทรัพย์สินเงินทอง หรือไม่เคยมีฐานะที่ดี เมื่อได้สิ่งเหล่านี้มาครอบครองแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย ก็จะแสดงอาการดีใจหรือตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตา การนำปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติทั้งสองมารวมกัน จึงเป็นการเปรียบเปรยถึงคนที่มักจะแสดงอาการเห่อ ดีใจ หรือตื่นเต้นจนเกินงาม เมื่อได้รับสิ่งที่ไม่เคยได้รับมาก่อน หรือได้ดีอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งเป็นการเตือนให้รู้จักระงับอารมณ์และมีความพอดีในการแสดงออกเมื่อได้ลาภยศหรือสิ่งของค่ะ ตัวอย่างการใช้สุภาษิต